พระเยซูเจ้าทรงเงยพระพักตร์ขึ้นเบื้องบน
ถอนพระทัยแล้วตรัสว่า
“เอฟฟาธา” แปลว่า “จงเปิดเถิด”
(มาระโก7:34)
คุณพ่อฟรังซิส ไก้ส์ ได้อธิบายความหมาย
ของการถอนพระทัยของพระเยซูเจ้าว่า
เป็นอาการที่พระเยซูเจ้าแสดงออกถึงความรู้สึกสงสารต่อผู้ยากไร้
ทำให้ฉันนึกถึงหลานสาวของฉัน
เธอเป็นเด็กพิเศษ เป็นดาวน์ดวงน้อยที่เจิดจรัสแสงแห่งความสุขของครอบครัว
ปัจจุบันเธออายุ 6 ขวบแล้ว แต่เธอยังไม่สามารถสื่อสารด้วยคำพูดได้เลย
แต่สิ่งพิเศษที่เธอทำได้คือการสื่อสารด้วยความรัก มองและฟังอย่างเข้าใจเสมอ
ฉันแอบวางแผนในใจว่า ถ้าฉันกลับไปเยี่ยมเธออีกครั้ง
ฉันจะลองขอพรพิเศษสวดภาวนาให้เธอและลองกล่าว “เอฟฟาธา”
ให้พระเยซูเจ้าสัมผัสลิ้นและปากของเธอ
เพราะฉันยังมั่นใจเสมอว่าเธอจะพูดได้และเธอก็กำลังพยายามอยู่เช่นกัน
พูดถึงหลานสาวแสนพิเศษของฉันคนนี้
ในวันที่พวกเราตัดสินใจอย่างแน่วแน่ที่จะแจ้งหมอว่าเราต้องการเธอ
ในขณะที่หมอพยายามอธิบายว่าจะต้องพบเจอกับอะไรบ้างถ้าเธอต้องเกิดมา
แต่พวกเราก็ยังยืนยันที่จะรับของขวัญชิ้นพิเศษนี้มาไว้ในครอบครัวของเรา
และเธอก็เป็นของขวัญชิ้นพิเศษของเราอย่างแท้จริง
คุณตา คุณยายที่เคยคิดจะขายบ้านทิ้งเพราะลูกหลานนานๆครั้งจะกลับไปเยือน
ตอนนี้บ้านกลางกลับกลายเป็นศูนย์รวมใจที่อบอุ่น
เพราะสมาชิกทุกคนพยายามแวะเวียนเข้าไปเยือนเยี่ยม
และทักทายเจ้าดาวน์ดวงน้อยที่แสนพิเศษดวงนี้
คุณตา คุณยายประคบประหงมเธอและรักเธอมาก
เธอจึงซึมซับความรัก ความเอาใจใส่ผู้อื่นจากคุณตาคุณยายตลอดเวลา
ทุกครั้งที่ใครสักคนต้องการความช่วยเหลือ โดยไม่ต้องขอ เธอจะรีบรุดไปทำทันที
ครั้งหนึ่ง คุณยายเดินเหยียบของเล่นที่เธอเล่นวางทิ้งไว้
คุณยายร้องโอ้ย เธอรีบรุดไปดู มองและเก็บของเล่น
พลิกดูเท้าคุณยาย วิ่งหายาเพื่อมาทาให้คุณยาย
หรือแม้แต่คุณตาจาม เธอซึ่งกำลังเล่นอยู่ก็รีบรุดไปหาน้ำ หาทิชชู่มาส่งให้
คอยหยิบผ้าห่ม หาหมอนมาจัดที่นอนให้คุณตาคุณยายเสมอ
มือน้อยๆ คอยกอด คอยหอม คอยทักทายผู้คนอย่างมีมิตรไมตรี
วิ่งมาสวัสดีพร้อมอ้อมกอดให้ผู้มาเยือนอย่างไม่รู้เหน็ดเหนื่อย
ครั้งหนึ่ง ฉันบ่นว่า ดูสิ หมามาคาบรองเท้าของป้าหายไปอีกแล้ว
เดี๋ยวคู่อื่นๆที่วางตรงนี้ต้องหายไปอีกแน่ๆ
เธอวิ่งมาดู แล้วชี้ๆ ก่อนเดินลงไปหยิบคู่อื่นๆขึ้นมาหลบไว้บนบ้าน
ฉันจึงมั่นใจว่า พระส่งเธอลงมาเกิดในครอบครัวของฉัน
เพื่อเป็นพระพร เป็นดาวน์ส่องสว่างให้บ้านกลางของฉัน
ให้คุณตาคุณยายที่หงอยเหงามีเพื่อนเล่น เพื่อนคุย เพื่อนเอาใจใส่
มาเติมพลัง มาเป็นแบบอย่างชีวิตให้มนุษย์ตัวโตๆเช่นพวกเราทุกคน
และฉันก็มั่นใจว่า สักวันหนึ่ง เธอจะพูดได้ สื่อสารได้
เพราะพระเจ้าจะเปิดลิ้น เปิดปากของเธอ “เอฟฟาธา”
พระเจ้าทรงเลือกผู้ที่โลกมองว่าอ่อนแอให้เป็นต้นแบบของชีวิต
ทรงเลือกผู้ที่ไม่สามารถกล่าวถ้อยคำสอนได้ ให้สอนด้วยกิจการแห่งรัก
ซึ่งทุกกิจการนั้น ชัดเจนกว่าหลายร้อยถ้อยคำสอนยิ่งนัก
“พี่น้องที่รักทั้งหลาย จงฟังเถิด
พระเจ้าทรงเลือกผู้ที่โลกตัดสินว่ายากจนเพื่อให้เขามั่งมีในความเชื่อ
และเป็นทายาทรับมรดกพระอาณาจักรซึ่งทรงสัญญาไว้
สำหรับผู้ที่รักพระองค์มิใช่หรือ”
(ยากอบ 2:5)
บางที ฉันก็ยังรู้สึกละอายใจตนเอง
ที่พระประทานอวัยวะทั้งครบให้ ประทานสติปัญญา และสิ่งดีๆในชีวิตให้
แต่ฉันกลับใช้มันไม่ให้เกิดประโยชน์อย่างเต็มที่เพื่อผู้อื่น
หรือเพื่องานของพระองค์ผู้ทรงประทานสิ่งดีๆให้ในชีวิตฉัน
แต่ฉันก็จะพยายามทำให้กิจการของฉัน เป็นกิจการแห่งรักให้ได้มากที่สุด
..................................... |