พระเยซูเจ้าตรัสแก่เขาว่า

“เราเป็นปังแห่งชีวิต ผู้ที่มาหาเราจะไม่หิว

และผู้ที่เชื่อในเราจะไม่กระหายอีกเลย”

(ยอห์น 6:35)

ข้าพเจ้าก็คงไม่ต่างอะไรจากประชาชนเหล่านั้น

ที่ขวนขวายแสวงหาความอิ่มหนำ ความสุขสมบูรณ์ฝ่ายกาย

ความสบายฝ่ายโลกที่สามารถสัมผัสได้ด้วยกายเนื้อของตน

ไม่ใช่ความอิ่มหนำทางใจที่สัมผัสเป็นรูปธรรมได้ยากยิ่งนัก

พระเยซูเจ้าทรงกล่าวตักเตือนข้าพเจ้าผ่านทางพระวาจาเสมอ

ความหิวและความกระหายนั้นไม่ได้หมายถึงเรื่องของฝ่ายกาย

 ซึ่งเป็นเพียงบ้านชั่วคราวที่ไม่ยั่งยืนถาวร

 แต่เป็นเรื่องของจิตวิญญาณซึ่งจะคงอยู่นิรันดร์

บทเพลง “มานนาใหม่” ที่มีเนื้อร้องขับขานไว้ว่า

“มานนาอาหารทานแล้วยังตาย

ไม่เหมือนมานนาใหม่ที่ได้จากพระบุตรา

มานนาใหม่นี้เมื่อทานแล้วมีชีวา

หล่อเลี้ยงบำรุงวิญญาณ์ ชีวาคงนิจนิรันดร์”

ช่วงที่ข้าพเจ้าต้อง Work Form Home นี้

มื้ออาหารของข้าพเจ้าจาก 3 มื้อลดลงเหลือเพียง 2 มื้อ

ด้วยปัจจัยหลายประการ ทั้งภาระหน้าที่ ความวุ่นวายในการตระเตรียมแต่ละมื้อ

รวมถึงเสบียงที่มีจำกัดในตู้เย็นกับจำนวนสมาชิกในบ้าน

เราจึงลดจำนวนมื้อลงในแต่ละวันเหลือเพียง 2 มื้อเท่านั้น

วานนี้ อาหารมื้อเช้าของข้าพเจ้าเลยไปถึงมื้อบ่ายแก่ๆ

เนื่องด้วยเมื่อเปิดตู้เย็นแล้วพบว่าไม่มีเสบียงพอที่จะนำมาทำอาหารได้เลย

ข้าพเจ้าจึงจำเป็นต้องออกไปจับจ่ายหาซื้อเสบียงบางอย่างเข้ามา

ความกลัวโรคระบาดไม่เท่ากับความกลัวที่จะต้องทนหิว

และความอยากกินเพื่อให้หายหิว

กลับถึงบ้าน ข้าพเจ้ารีบกุลีกุจอตระเตรียมอาหารมื้อแรกของวันในเวลาบ่าย

มือที่สั่นเทาปรุงอาหารด้วยความหิวโหยอย่างเร่งรีบ

ปรุงอาหารเรียบร้อย ข้าพเจ้าเรียกสมาชิกมาจัดโต๊ะ และกินข้าวพร้อมกัน

แปลกมาก ความอิ่มมาพร้อมกับความปวดท้อง แสบท้องเป็นที่สุด

ข้าพเจ้าแอบบ่นกับสมาชิกในบ้านว่า

มนุษย์นี่วุ่นวายกับการกินวันละตั้ง 3 มื้อจริงๆ

บางทียังมีมื้อพิเศษ มื้อที่สนองความอยากกินอีกมากมาย

เราขวนขวายแสวงหาที่จะตอบสนองความต้องการทางกาย

เราแสวงหาความสุขสบายทางโลก

เหมือนกับที่ข้าพเจ้าไม่อยากทำอาหารแล้วสั่งเดลิเวอรี่มาส่ง

ทั้งๆที่มันก็เสี่ยงไม่ต่างจากออกไปหาซื้อเองเลย

เหมือนกับที่ข้าพเจ้าดิ้นรนดับความหิว

แม้ต้องออกไปเผชิญกับโรคระบาดภายนอกก็ตาม

อาหารฝ่ายกายกินเข้าไปก็อิ่มเพียงกายชั่วครู่แล้วก็กลับมาหิวอีก

แต่ในความอิ่มหนำสำราญกายนั้น

สิ่งที่ข้าพเจ้ารับเข้าไปหล่อเลี้ยงร่างกาย

ข้าพเจ้าก็ไม่อาจการันตีได้ว่ามีคุณประโยชน์หรือโทษมากน้อยเพียงใด

แต่อาหารฝ่ายจิตวิญญาณที่พระเยซูเจ้าประทานให้นั้น

ข้าพเจ้ามั่นใจว่ามีคุณประโยชน์ในการหล่อเลี้ยงชีวิตภายใน

ให้สามารถต้านโรคร้ายฝ่ายวิญญาณได้เป็นอย่างดีแน่นอน

 “เพราะเนื้อของเราเป็นอาหารแท้และโลหิตของเราเป็นเครื่องดื่มแท้”

(ยอห์น 6:55)

พระเยซูเจ้าและพระวาจาของพระองค์คืออาหารแท้หล่อเลี้ยงจิตวิญญาณ

ซึ่งมีบันทึกไว้ในพระคัมภีร์ว่า

“มนุษย์มิได้ดำรงชีวิตด้วยอาหารเท่านั้น

แต่ดำรงชีวิตด้วยพระวาจาทุกคำที่ออกจากพระโอษฐ์ของพระเจ้า

(มัทธิว 4:4)

และพระวาจานั้นก็เป็นพระวาจาทรงชีวิต และบันดาลให้ชีวิตจิตวิญญาณ

อิ่มเอมเกษมสันต์กว่าอาหารอื่นใดในโลกนี้

“เมื่อข้าพเจ้าพบพระวาจา ข้าพเจ้าก็ได้กินพระวาจานั้น

พระวาจาของพระองค์เป็นความชื่นบาน

และเป็นความยินดีของจิตใจข้าพเจ้า”

(เยเรมีย์ 15:16)

.....................................