แต่พระเยซูเจ้าทรงได้ยินเขาพูดดังนั้น
จึงตรัสแก่หัวหน้าศาลาธรรมว่า
“อย่ากลัวเลย จงมีความเชื่อไว้เถิด”
(มาระโก 5:36)
ความเชื่อเป็นพระพรที่ต้องรักษาไว้ให้ดีที่สุดจริงๆ
เพราะวิถีชีวิตของมนุษย์ในยุคปัจจุบัน
เต็มไปด้วยสิ่งที่พร้อมจะดึงความเชื่อให้เจือจางลงไป
แม้แต่ในครอบครัวที่เราเห็นว่าเต็มไปด้วยความเชื่อ ความศรัทธา
ก็ยังมีสมาชิกบางคนในครอบครัว
หลุดหลงไปกับแรงดึงดูดของสื่อ กระแสสังคม กระแสโลก
หรือแม้แต่กระแสความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในยุคปัจจุบันในทุกรูปแบบ
บิดามารดาผู้สืบสานความเชื่อ ความศรัทธา
แต่บุตรกลับหลงเตลิดออกนอกเส้นทางไปเสียไกลโพ้น
จริงแล้วความเชื่อเป็นพระพรที่เราแต่ละคนต้องวิงวอนขอจากพระเจ้าด้วยตนเอง
แม้ว่าพรที่บิดามารดาจะถ่ายทอดมาถึงบุตร
แต่พระพรแห่งความเชื่อเราต่างก็ต้องพยายามที่จะขอพระด้วยตนเองเช่นกัน
ครอบครัวของข้าพเจ้าเป็นครอบครัวคาทอลิกมาแต่บรรพบุรุษ
สมัยยังเล็ก บิดามารดาของข้าพเจ้าเคร่งครัดเรื่องการร่วมมิสซา
ในทุกวันเสาร์เย็นและวันอาทิตย์ รวมถึงวันเทศกาลสำคัญต่างๆ
ในวัยเด็กข้าพเจ้าไม่เข้าใจว่าเหตุใดข้าพเจ้าจึงต้องถูกบังคับ
ในขณะที่เพื่อนๆคนอื่นสามารถนอนตื่นสาย ดูหนังจักรๆวงศ์ๆช่วงเช้าได้
แต่ข้าพเจ้าต้องรีบตื่นเพื่อเตรียมตัวไปวัดทุกเช้าวันอาทิตย์
เมื่อถึงวัดข้าพเจ้าต้องไปนั่งด้านหน้ากับครูคำสอนและกลุ่มนักขับร้อง
ซึ่งครูจะคอยตีหน้าขาของข้าพเจ้าไม่ให้แกว่งเท้าขณะร่วมมิสซา
ข้าพเจ้าจะถูกสะกิดให้ลุกขึ้นยืนในขณะที่ข้าพเจ้ากำลังจะหลับในมิสซา
ทุกอย่างดูขัดต่อความสบาย ความปรารถนาของข้าพเจ้าทั้งสิ้น
ข้าพเจ้าจึงรู้ว่า เด็กและเยาวชนในยุคปัจจุบันจะไม่รู้สึกยิ่งไปกว่านั้นหรือ
การต้องถูกตีกรอบให้อยู่ในระเบียบแต่ยังเล็ก
บ่มเพาะ หล่อหลอมให้ข้าพเจ้ารู้จักอดทน ผ่อนปรน สุภาพ นบนอบ เชื่อฟัง
ข้าพเจ้าจึงเป็นข้าพเจ้าในทุกวันนี้ เช่นนี้
อาจจะมีหลายคนติติงว่า นี่แหละ เป็นเหตุให้เด็กคนหนึ่ง
ขาดความกล้าที่จะแสดงออก ขาดความเชื่อมั่นในตนเอง
และไม่รู้จักเรียกร้องสิทธิของตนเอง
ข้าพเจ้าไม่อาจสรุปได้ว่าการเลี้ยงดูแบบใดเป็นสิ่งที่ดีและถูกต้อง
แต่ข้าพเจ้าสัมผัสได้ว่า การอยู่ในกรอบระเบียบอย่างที่บิดามารดาในสมัยก่อน
ใช้ในการอบรมดูแลบุตรหลานนั้นเป็นสิ่งที่ดียิ่งนัก
เพราะมนุษย์เราอย่างไรก็มีจิตแห่งการเอาชนะ การแข่งขันอยู่ในส่วนลึกทั้งสิ้น
การอยู่ในกรอบจะสอนให้เรารู้จักเอาชนะใจตนเอง
สุภาพ นบนอบ พึงแสวงหาสันติมากกว่าสร้างความเกลียดชัง
ดูเถิด เราจะกล่าวว่าอย่างไร เราจะตัดสินว่าอย่างไร
ท่ามกลางเหตุการณ์ต่างๆในโลกปัจจุบันที่มนุษย์ถูกเปิดออกจากกรอบอันดีงามนั้น
มนุษย์เป็นอย่างไร สันติสุขในแผ่นดินอยู่ที่ไหน
ความเชื่อก็เช่นกัน ถูกหล่อหลอมมาด้วยกรอบที่เป็นคุณค่าจากพระวรสาร
กลับต้องเจือจางไปจากจิตวิญญาณของคริสตชนหลายคน
เพราะค่านิยม ความคิดที่แปลกแยกของมนุษย์
ล้วนใส่ความรู้สึก ความปรารถนา ความเป็นตัวตนของตนลงไปทั้งสิ้น
สิ่งใดที่ขัดต่อใจตนล้วนเป็นสิ่งที่ผิดแปลกแตกต่าง
จึงไม่น่าแปลกเลย ที่สังคมมนุษย์จะเลวร้ายลงไปทุกวันๆ
“พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ให้เป็นอมตะ
พระองค์ทรงสร้างเขาตามภาพลักษณ์แห่งพระธรรมชาติของพระองค์
แต่เพราะความอิจฉาของปีศาจ
ความตายจึงเข้ามาในโลก ผู้ที่อยู่ฝ่ายปีศาจก็จะประสบความตาย”
(ปรีชาญาณ 2:23-24)
ข้าพเจ้าเฝ้าขอบพระคุณพระเจ้าที่ยังโปรดเมตตาข้าพเจ้า
ให้ได้เกิดในครอบครัวที่เต็มไปด้วยความเชื่อ ความศรัทธาของบิดามารดา
แม้ว่า อาจจะมีสมาชิกในครอบครัวที่ถูกล่อลวงให้หลงออกนอกเส้นทางไปบ้าง
แต่ข้าพเจ้าก็มั่นใจว่า พระเมตตาของพระเจ้าจะทรงเติมเต็ม
เยียวยารักษาเขาให้เห็นแสงสว่างของความเชื่อในพระองค์อีกครั้ง
..................................... |