““ลูกจ้างไม่ใช่ผู้เลี้ยงแกะ และไม่เป็นเจ้าของแกะ
เมื่อเห็นสุนัขป่าเข้ามา ก็ละทิ้งบรรดาแกะและหนีไป
สุนัขป่าแย่งชิงแกะ และฝูงแกะก็กระจัดกระจายไป”
(ยอห์น 10:12)
เมื่อคิดถึงเรื่องผู้เลี้ยงแกะที่ดีที่ไร
ข้าพเจ้าก็หวนนึกไปถึงวันที่ข้าพเจ้าสุ่มเลือกภาพในพระคัมภีร์
ที่จะต้องออกไปนำเสนอหน้าชั้นเรียน
แล้วได้รูปพระเยซูเจ้าทรงเป็นผู้เลี้ยงที่ดี
แกะน้อยผู้อ่อนแอ ย่อมต้องมีผู้เลี้ยงที่ปกป้องคุ้มครองตนได้
นำพาไปยังสถานที่ที่อุดมสมบูรณ์ด้วยอาหารที่เยียวยา
ทั้งร่างกายและจิตใจตามความเหมาะสม
สอนและตักเตือนตามพฤติกรรมของแกะน้อยแต่ละตัวที่แตกต่างกันไป
เมื่อไม่กี่วันก่อนข้าพเจ้าได้เปิดการ์ตูนSuper book ให้นักเรียนคำสอนได้ชม
เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการแต่งตั้งดาวิดเป็นกษัตริย์
เรื่องราวเริ่มต้นด้วยงานหลักของดาวิดในทุ่งกว้าง นั่นคืองานการเป็นผู้เลี้ยงแกะ
ในเนื้อเรื่องพยายามสื่อให้เห็นถึงความกล้าหาญของดาวิด
ขณะที่สิงโตดุร้ายตัวหนึ่ง กระโจนเข้ามาในฝูงแกะ
และบรรดาฝูงแกะก็กระจัดกระจายวิ่งหนีหายไป
แต่มีแกะน้อยตัวหนึ่ง กลัวจนไม่สามารถก้าวขาวิ่งหนีเอาตัวรอดไปได้
ในขณะที่สิงโตกำลังเยื้องย่างเข้ามาพร้อมจะกระโจนเข้าทำร้ายแกะน้อยตัวนั้น
ดาวิดก็กระโดเข้ามาอุ้มแกะน้อยและนำไปวางยังที่ปลอดภัย
ก่อนที่จะหันมาต่อสู้กับสิงโตด้วยไม้เท้าผู้เลี้ยงแกะนั้นจนได้รับชัยชนะ
ภาพดาวิดอุ้มแกะน้อยด้วยใบหน้าที่ยินดี
จากการสามารถปกป้องคุ้มครองแกะน้อยของตนได้
จึงทำให้ข้าพเจ้าเห็นภาพลักษณ์ของพระเยซูเจ้าในกิจการของดาวิดนั้นอีกครั้งหนึ่ง
ความรักและพระเมตตาที่ทรงมีต่อมนุษย์ผู้อ่อนแอเป็นความรักที่ไม่มีสิ้นสุด
ตราบเท่าที่เรายังมีใจระลึกถึงความรักและพระเมตตานั้น
ในทุกครั้งที่เรารู้ตัวเองดีว่าเราเป็นคนบาป
“จงขอบพระคุณองค์พระผู้เป็นเจ้า
เพราะพระองค์ทรงพระทัยดี
ความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงอยู่เป็นนิตย์”
(สดุดี 118:29)
พระเยซูเจ้าผู้ไม่เคยทอดทิ้งฝูงแกะของพระองค์
ในวันที่ข้าพเจ้าต้องยืนอยู่บนความหวาดระแวงไม่มั่นคงในชีวิต
ข้าพเจ้าพยายามวางทุกอย่างไว้ในพระหัตถ์และความคุ้มครองของพระเจ้า
พยายามเตือนใจตัวเองอยู่เสมอว่า
ข้าพเจ้าจะผ่านทุกอย่างไปได้ในพระเจ้าผู้ทรงปกป้องคุ้มครองข้าพเจ้า
ค่ำคืนแห่งความหวาดระแวงที่ทำให้ข้าพเจ้าไม่สามารถข่มตาลงหลับได้
กับคำปลอบบรรเทาใจของพระเจ้าที่คอยเตือนข้าพเจ้าตลอดทั้งคืน
“จงวางใจในองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเจ้า
หากเจ้ารักเราจงวางใจในเราเถิด”
อรุณรุ่งของวันใหม่ท้องฟ้าจะสดใส และทุกอย่างจะได้รับการฟื้นฟู
ตราบเท่าที่ข้าพเจ้าไว้วางใจในพระเจ้า
ฟ้าสีหม่น คนหมอง ครองน้ำตา
เหตุใดหนา ฟ้าฝน จึงหม่นหมอง
แหงนมองฟ้า ร้องร่ำ น้ำตานอง
เหลียวพระเนตร มามอง ตรองข้าฯที
ข้าหวาดหวั่น ครั่นคร้าม คนหยามหมิ่น
ใจแทบดิ้น สิ้นสลาย ไร้สุขศรี
มองหาพระ เมตตา ผู้อารี
โปรดบรรเทา ใจลูกที มีทุกข์ทน
พระหัตถ์อุ่น โอบเอื้อ ส่งเกื้อหนุน
รออรุณ รุ่งใหม่ ใยสับสน
พระองค์ตรัส ตอบข้าฯ ในบัดดล
เจ้าคือผล ของความเชื่อ จักเกื้อกูล
..................................... |