“ทุกคนที่ทำความชั่วย่อมเกลียดความสว่าง
และไม่เข้าใกล้ความสว่าง
เกรงว่า การกระทำของตนจะปรากฏชัดเจน”
(ยอห์น 3:20)
โจรขโมยมักชอบมาในยามวิกาล
แอบสุ่มอยู่ในที่ลับตาคน และซุกซ่อนอยู่ในความมืดมิดยามราตรี
คนที่กระทำความผิดเอาไว้ ย่อมหวาดระแวงว่าผู้อื่นจะเห็นความผิดของตน
เด็กวัยรุ่นหญิง 2 คน กำลังแอบด้อมๆมองๆบางสิ่งบางอย่างอยู่มุมตึก
ข้าพเจ้าเข้าไปเรียก เธอทั้ง 2 สะดุ้งอุทานออกมาด้วยความตกใจ
ข้าพเจ้าถามว่าลูกมากำลังทำอะไรกันตรงนี้
เธอกลับบอกข้าพเจ้าว่าให้ช่วยพาเข้าชั้นเรียน
และช่วยแจ้งครูผู้สอนให้ทีว่าไปธุระกับครูมา
ข้าพเจ้าทราบทันทีว่า เธอทั้ง 2 ไม่กล้าเข้าชั้นเรียนเพราะเธอไปเถลไถลนั่งคุยนั่งเล่นเพลิน
จนมาเข้าชั้นเรียนไม่ทัน
ข้าพเจ้าจำได้ว่าเธอเคยทำพฤติกรรมเช่นนี้หลายครั้งแล้ว
จึงปฏิเสธที่จะช่วยเหลือเธอ และบอกให้เธอเข้าไปขอโทษครู แล้วอย่าทำเช่นนั้นอีก
ทำไมหนังผีจึงชอบให้มีผีปรากฏขึ้นในเวลาค่ำคืน
และผีนั้นจะไม่สามารถต่อสู้กับแสงของดวงตะวันได้เลย
บางทีหนังผีก็สอนใจข้าพเจ้าเช่นกันว่า
ปีศาจร้ายย่อมปรารถนาดวงใจที่มืดมน หม่นดำไปด้วยบาปหนา
แต่พระเจ้าทรงเป็นความสว่างที่ความมืดไม่อาจเข้ามาครอบครองพื้นที่นี้ได้
หากข้าพเจ้ามั่นคงที่จะเดินในทางสว่าง ข้าพเจ้าก็จะปลอดภัยจากปีศาจร้าย
และการที่จะมั่นคงในความสว่างได้นั้น
ข้าพเจ้าก็ต้องหมั่นที่จะประพฤติปฏิบัติตนตามคำสอนของพระเจ้า
พยายามประคับประคองชีวิตกายและวิญญาณของข้าพเจ้า
ไม่ให้หลงออกนอกเส้นทางความสว่างนี้ไปได้
อาจจะมีบ้างที่หลงลืมตัว เผลอไผลไปกับอำนาจฝ่ายต่ำ ยอมให้มันครอบงำในบางครา
แต่ข้าพเจ้าก็ปรารถนาที่จะพยายามกลับมาสู่หนทางสว่างดั่งเดิม
สมัยเมื่อข้าพเจ้ายังเล็ก ที่บ้านของข้าพเจ้าเปิดเป็นร้านขายของตั้งแต่ข้าวสารอาหารแห้ง
ขนม ผักสด เครื่องเขียน คือทุกสิ่งที่ขายได้จะมีอยู่ในร้านของครอบครัวข้าพเจ้า
ตั้งแต่เปิดร้านมาหลายสิบปี ข้าพเจ้าจำได้ว่ามีครั้งหนึ่งขโมยแอบปีนเข้ามา
และเปิดหลังคากระโดดลงมารื้อข้าวของ และขโมยของไป
พ่อและแม่ของข้าพเจ้าเมื่อเห็นข้าวของถูกรื้อค้น
กลับบอกว่า อืม ก็ดีนะ กำลังจะปิดกิจการพอดี มีคนมาช่วยจำหน่ายของออกจากร้าน
ข้าวของจะได้หมดเร็วขึ้น
ข้าพเจ้ารู้สึก งง กับพ่อมาก คือ ดีอย่างไรกับของที่ถูกขโมยไป
พ่อบอกว่า เขาคงหิวแหละ เขารื้อของกินจากชั้นวางของมากิน
ทิ้งเศษ และเปลือกขนมไว้ แสดงว่าเขาคงหิว ถึงใจเย็นนั่งกินในร้านเลย
ก่อนจะขโมยของไปอีกบางอย่างแล้วหนีออกทางช่องหลังคาไป
“เราเป็นผลงานของพระองค์
ถูกสร้างมาในพระคริสตเยซูเพื่อให้ประกอบกิจการดี
ซึ่งพระเจ้าทรงกำหนดไว้ล่วงหน้าให้เราปฏิบัติ”
(เอเฟซัส 2:10)
กิจการของพ่อเป็นกิจการดีที่สอนใจข้าพเจ้ามาจนทุกวันนี้
การมองเรื่องที่ดูเหมือนจะเลวร้ายให้เป็นเรื่องที่ดี
การคิดดี พูดดี และกระทำแต่สิ่งที่ดีดี
ถึงแม้ว่าบางทีมันก็ดูจะน่าเบื่อ ไร้สีสัน ดูไม่น่าสนใจ
ต่อสายตาหรือกิจการของคนยุคปัจจุบันเอาเสียเลยก็ตาม
อิฐก้อนเดียวแม้จะดูไร้ค่า ด้อยราคา
แต่มันก็ยังเป็นส่วนหนึ่งของอาคารที่สูงตระหง่านฟ้ามิใช่หรือ
ในขณะที่สังคมและมนุษย์โลกกำลังวิ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
วิ่งไปโดยไม่เคยเหลียวมองคนรอบข้างเลยด้วยซ้ำ
หากจะมีใครบางคนที่เดินช้าๆ ด้วยความรัก
พร้อมคอยที่จะพยุงบุคคลข้างทางที่วิ่งมาด้วยความเร็วแล้วสะดุดล้มลงบ้าง
ก็เป็นกิจการที่มีคุณค่าในสังคมยุคนี้แน่นอน
อย่างน้อยก็มีผู้ได้รับบาดเจ็บจากการถูกเหยียบย่ำซ้ำเติมน้อยลง
เพราะมีเท้าที่เดินช้าๆ และมือที่พร้อมช่วยเหลือตามอยู่เบื้องหลัง
คริสตชนอย่างข้าพเจ้าเป็นใครในสังคมปัจจุบันนี้กันแน่นะ
บุคคลที่วิ่งไปข้างหน้าอย่างไม่คิดชีวิตเพื่อความปรารถนาแห่งโลกนี้
หรือบุคคลที่เดินอยู่ช้าๆเบื้องหลังเพื่อคอยพยุงผู้ที่ล้มลงข้างทาง
..................................... |