พระเยซูเจ้าตรัสว่า “จงนำของเหล่านี้ออกไป
อย่าทำบ้านของพระบิดาของเราให้เป็นตลาด”
(ยอห์น2:16)
ที่พระวิหาร ที่ๆพระเยซูเจ้าทรงขับไล่บรรดาพ่อค้าขายสัตว์ต่างๆ
ข้าพเจ้าแอบจินตนาการถึงบรรดาโค ลา แกะ และนกพิราบที่พ่อค้านำมาขาย
และแอบคิดถึงตลาดขายสัตว์เลี้ยงแห่งหนึ่งในกรุงเทพ
ขณะที่เดินผ่านแต่ละร้าน ข้าพเจ้าได้กลิ่นมูลสัตว์ อาหารสัตว์คละคลุ้งไปทั่วบริเวณ
รวมถึงเสียงร้องของบรรดาสัตว์ที่อื้ออึงสับสนวุ่นวาย
บ้านของพระบิดา พระวิหารของพระเจ้า
สถานที่ที่สะอาด สงบ ร่มเย็นและเป็นเสมือนที่พักทางใจ
แต่มนุษย์กลับทำให้บ้านที่สะอาดนี้มีมลทิน และไร้ความสงบ
พระเยซูเจ้า ผู้เคลียพื้นที่ที่มีมลทินให้สะอาดดังเดิม
ผู้ปราบความอื้ออึงวุ่นวายให้สงบร่มเย็น
เมื่อหลายปีที่ผ่านมา บุตรสาวตัวน้อยไร้เดียงสาของเพื่อนที่ได้สามีเป็นชาวอิตาลี
ได้เข้าไปในโบสถ์ใกล้บ้านในอิตาลีพร้อมกับคุณแม่ของเธอซึ่งเป็นเพื่อนของข้าพเจ้า
บุตรสาวเห็นห้องๆหนึ่งในโบสถ์ เธอจึงกล่าวกับแม่ว่า
“bagno” ซึ่งในภาษาอิตาลีแปลว่า ห้องน้ำ ห้องสุขา
แม่ของเธอโพสต์เรื่องราวนี้และตั้งคำถามว่า
คำพูดของเด็กไร้เดียงสาคนหนึ่งสะกิดใจเราและท่านที่เป็นคาทอลิกอย่างไร
นั่นสินะ สะท้อนใจเราชาวคาทอลิกอย่างไรบ้าง?
ข้าพเจ้าย้อนกลับมาอ่านทีไรก็สัมผัสได้ถึงสิ่งที่พระอยากจะสอนใจข้าพเจ้า
สถานที่ที่เด็กน้อยเรียกว่า “bagno” คือห้องแก้บาป
สำหรับข้าพเจ้าแล้ว เป็นห้องที่พระจะคอยรับฟังความผิดบกพร่องของลูกของพระองค์
นั่นคือ พระองค์พร้อมจะรับเอาสิ่งสกปรกของเราไป
เพื่อที่เราจะได้สะอาดหมดจด
และพร้อมที่จะเป็นลูกที่ดีของพระองค์
นับตั้งแต่สถานการณ์โควิด-19 ข้าพเจ้าและสมาชิกในครอบครัว
ค่อนข้างห่างหายไปจากการรับศีลอภัยบาป
มหาพรตปีนี้คงเป็นอีกปีที่พระเตือนใจข้าพเจ้า
อย่าลืมชำระล้างความสกปรกในจิตวิญญาณตน
อย่าปล่อยให้จิตวิญญาณของตนต้องหม่นหมอง ป่วยไข้ด้วยเชื้อโรคฝ่ายวิญญาณ
สัปดาห์นี้ข้าพเจ้าตั้งใจจะชวนสมาชิกในครอบครัวรับศีลอภัยบาป
ชำระล้างสิ่งสกปรกออกไปจากจิตวิญญาณ
ต้อนรับพระคุณและพระพรที่พระจะเติมให้เป็นพลังวิญญาณต่อไป
“ข้อบังคับขององค์พระผู้เป็นเจ้าสุจริต
ทำให้ดวงจิตปีติยินดี
บทบัญญัติขององค์พระผู้เป็นเจ้าก็ชัดเจน
ให้แสงสว่างแก่ดวงตา”
(สดุดี 19:8)
ความเจ็บไข้ ได้ป่วย ของร่างกาย
เพียงรักษา ก็หาย กายสุขี
หากแต่เจ็บ ป่วยไข้ ในใจนี้
ทำอย่างไร ให้หายดี มีสุขใจ
เจ็บป่วยกาย คลายได้ เมื่อใกล้หมอ
เจ็บปวดใจ ทนรอ หมอใดได้
องค์พระคริสต์ บรรเทาจิต บรรเทาใจ
รักษาไข้ ในดวงใจ ใครทุกคน
เราไม่สามารถล่วงรู้ได้เลยว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับชีวิตเราบ้าง
ข้าพเจ้าเคยคิดอยู่เสมอว่า ถ้าบรรดาลูกๆที่ข้าพเจ้ารัก
สักวันหนึ่งเขาออกนอกเส้นทาง หรือความเชื่อในชีวิตของเขาค่อยๆจืดจางลงไป
ข้าพเจ้าจะทำอย่างไร
แต่ ข้าพเจ้าก็เชื่อว่า หากครอบครัวยังเป็นหลักยึดมั่นในเส้นทางที่มีพระเจ้านำทาง
ยังเคร่งครัดในการปฏิบัติศาสนกิจ
ยังดูแลสมาชิกในครอบครัว เอาใจใส่ สังเกตความรู้สึกของกันและกันอยู่เสมอ
หน้าที่ที่เหลือที่เราไม่สามารถเข้าไปกำหนดได้จะเป็นหน้าที่ของพระเจ้า
เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา
ครอบครัวของข้าพเจ้าประสบปัญหาบางประการ
เรามีความรู้สึกขัดแย้งกันในการดำเนินชีวิตของลูกบางคนที่อยู่ห่างไกลบ้าน
ข้าพเจ้าผิดหวัง และเฝ้าแต่ร้องไห้ในสิ่งที่พวกเขาตัดสินใจทำโดยไม่ปรึกษาผู้ใหญ่
สามีของข้าพเจ้าจึงเรียกพวกเขากลับมาเพื่อเคลียปัญหาด้วยกัน
ซึ่งในเวลานั้นข้าพเจ้ายังรู้สึกไม่พร้อมที่จะรับฟังปัญหาของพวกเขา
แต่เมื่อถึงเวลาที่พวกเขามาพร้อมหน้า ข้าพเจ้าก็จำเป็นต้องพูด อธิบาย
พวกเขารู้ว่าพวกเขาตัดสินใจผิดพลาดในการดำเนินชีวิตบางเรื่อง
เช่น การใช้จ่ายเงินทองที่เกินเงินเดือนของตนเองจนต้องหยิบยืมผู้อื่น
การดูแลสุขภาพกาย สุขภาพใจของตนเองที่แย่ลงไปมาก
การไม่ทำตัวเองให้เป็นภาระของผู้อื่น การทำตัวให้เป็นที่น่าเอ็นดูของผู้ใหญ่
การรับผิดชอบ และไวที่จะช่วยเหลืองานในครอบครัว ไม่เถียง ไม่เกี่ยง
พวกเขาขอโทษในสิ่งที่พวกเขาทำ และจะเคลียปัญหาต่างๆให้ดีที่สุด
หลังจบการสนทนา ข้าพเจ้ารับรู้ได้ถึงบรรยากาศของการกลับคืนดี
บรรยากาศของการระบายสิ่งที่เป็นขยะในใจของแต่ละคนออกไป
บ้านดูปลอดโปร่งขึ้น และใจก็ดูสว่างสดใสขึ้นด้วย
เราฉลองการกลับมาคืนดีกันใหม่ด้วยอาหารมื้อเล็กๆในครอบครัวของเรา
เสียงหัวเราะก็กลับมาสู่บ้านอีกครั้งหนึ่ง
บางที บ้านก็เป็น Bagno ในยามที่ต้องเคลียใจของสมาชิกในบ้านเช่นกัน
และก็เป็นสวรรค์ของสมาชิกในบ้านเมื่อเรากลับมาคืนดีกัน
..................................... |