“เวลาที่กำหนดไว้มาถึงแล้ว

พระอาณาจักรของพระเจ้าอยู่ใกล้แล้ว

จงกลับใจ และเชื่อข่าวดีเถิด”

(มาระโก1:15)

ช่วงเวลาที่ชีวิตรู้สึกอ่อนแอ งอแง และยิ่งเข้าสู่เทศกาลมหาพรต

ข้าพเจ้ายิ่งรู้สึกถึงการทำงานอย่างหนักหน่วงของซาตาน

มันทำให้ดวงใจของข้าพเจ้าแห้งแล้ง

มันลิดรอนเสรีภาพ ความสุข พลังไปจากดวงวิญญาณข้าพเจ้า

และข้าพเจ้าก็ยินยอมให้มันครอบครองดวงใจอย่างไม่ขัดขืนเลย

ยิ่งปล่อยเลยตามเลย ดวงใจข้าพเจ้าก็ยิ่งแตกระแหงแห้งแล้งเจียนจะกลายเป็นผุยผง

ข้าพเจ้าปรารถนาเหลือเกินที่จะให้ดวงใจได้รับธารน้ำใสรดรินดวงใจบ้าง

เพื่อดับความโรยแล้งร้อนระอุจนผืนใจแห้งผากได้กลับมาชื่นฉ่ำสดใส

เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา

ข้าพเจ้าพบว่าน้ำในลำคลองกำลังเหือดแห้ง

และข้าพเจ้าก็พะวงว่าจะมีน้ำสำหรับรดรินผืนดิน

และพืชผักเพียงพอตลอดฤดูแล้งนี้หรือไม่

แล้วจู่ๆ สายฝนก็โปรยปรายลงมาจนชื่นฉ่ำผืนดินอย่างที่ไม่คาดคิดมาก่อน

น้ำในลำคลองกลับมาเต็มปริ่มอีกครั้ง

ความชื่นฉ่ำใจเป็นเช่นนี้นี่เอง

ขอพระเจ้าโปรดประทานสายฝนเย็นฉ่ำและสายรุ้งประดับใจลูก

ในวันที่ลูกกำลังหยิบยื่นดวงใจให้ซาตานเข้าครอบครอง

ยอมให้มันนำไฟมาแผดเผาผืนใจลูกจนแห้งผาก

ลูกจะดึงดวงใจของลูกกลับมาได้อย่างไร

หากไร้พระองค์ ลูกจะเป็นเช่นไร

“เราจะตั้งรุ้งของเราไว้บนเมฆ

รุ้งนี้จะเป็นเครื่องหมายแห่งพันธสัญญาระหว่างเรากับแผ่นดิน”

(ปฐมกาล 9:13)

มหาพรตนี้ ขอให้ดวงใจของข้าพเจ้าพร่ำเพรียกเรียกหาธารน้ำแห่งพระเจ้า

ให้ธารน้ำแห่งพระพรนี้รินรดล้างใจที่แปดเปื้อนมืดมน หม่นดำ

จากการครอบครองของซาตานมารร้าย

ให้พระองค์เข้ามาประดับสายรุ้งแห่งพันธสัญญาในดวงใจของข้าพเจ้า

เพื่อข้าพเจ้าจะได้เริ่มต้นวันใหม่ ชีวิตใหม่ที่สดใสกว่าเดิม

ไม่มีสิ่ง  ใดใหม่  ในโลกนี้

ทุกสิ่งล้วน เคยมี เคยผ่านผัน

สุขหรือทุกข์ โลกเคยผ่าน  เคยฝ่าฟัน

จะไหวหวั่น มั่นคง ปลงอนิจจัง

ตะวันขึ้น  ทิศใด ใครก็รู้

ตื่นยังสู้ รู้สุขทุกข์ รู้สิ่งหวัง

ให้พายุ โหมซัด พัดใจพัง

คลื่นประดัง น้ำตาหลั่ง ยังตั้งตัว

ไม่หวั่นไหว กับสิ่งใด ในโลกนี้

ทุกสิ่งมี ที่กำเนิด เกิดดีชั่ว

จะขวากหนาม ยามใด ไม่หวั่นกลัว

จะชื่นมื่น  เมามัว  กลัวทำไม

เหตุเพราะมี องค์พระเจ้า  เฝ้าเตือนจิต

เตือนความคิด การกระทำ ย้ำเตือนให้

อย่าหลงโลก หลงแสงสี หลงพิษภัย

อยู่ภายใต้ ธรรมแห่งใจ  ไร้มลทิน

เคยมีคำกล่าวว่า ฟ้าหลังฝนย่อมสดใส

แต่อย่างไรเราก็ยังคงต้องเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตท่ามกลางสายฝนอย่างเข้าใจ

เรียนรู้ที่จะปกป้องตนเองจากภัยของสายฝนที่โปรยปรายลงมา

เรียนรู้ที่จะสุขใจกับความงดงาม ชื่นฉ่ำของสายฝนที่ตกกระทบผืนแผ่นดิน

เรียนรู้และยอมรับทั้งสิ่งที่ดีและไม่ดี  ชอบและไม่ชอบที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของเรา

ขอให้ข้าพเจ้าได้มองเห็นความงดงามของความทุกข์ยาก

และดำเนินชีวิตอยู่ร่วมกับทุกเหตุการณ์ที่ผ่านเข้ามาด้วยความชื่นชมยินดี

เพราะข้าพเจ้ามั่นใจว่า พระเจ้าทรงเป็นโล่ปกป้องคุ้มกันภัยของข้าพเจ้า

และพระองค์จะทรงตั้งสายรุ้งแห่งความชื่นชมยินดีในใจข้าพเจ้า

ในวันเวลาที่เหมาะสม

ข้าพเจ้ามั่นใจว่าข้าพเจ้าจะพบกับความสุขล้ำตามน้ำพระทัย

และความสุขใจตามน้ำพระธรรมที่พระองค์จะทรงมอบให้ข้าพเจ้าด้วยพระเมตตา

.....................................