“ข้าพเจ้าทำตนเป็นผู้อ่อนแอเพื่อชนะใจผู้อ่อนแอ
ข้าพเจ้าเป็นทุกอย่างสำหรับทุกคน
เพื่อข้าพเจ้าจะได้ใช้ทุกวิถีทางช่วยบางคนให้รอดพ้น”
(1โครินธ์ 9:22)
ในช่วงการเรียนรู้ผ่านโลกออนไลน์
เป็นช่วงเวลาที่ทั้งครูและศิษย์ต้องปรับตัวปรับใจให้กับรูปแบบการเรียนรู้แบบใหม่
สำหรับศิษย์ การปรับตัวเรื่องเทคโนโลยีคงไม่ยากลำบากนักสำหรับเด็กยุคใหม่
แต่อาจจะต้องปรับตัวด้านระเบียบวินัยในการเข้าเรียนด้วยตนเอง
การรับผิดชอบต่องานที่ไม่สามารถมีใครมาตามถึงตัวได้
สำหรับครู โดยเฉพาะครูผู้สูงอายุที่ไม่ได้เติบโตมา
พร้อมกับบรรดาเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่เติบโตรวดเร็วแบบก้าวกระโดด
จึงเป็นการยากที่จะเข้าใจหรือพาตัวเองเข้าสู่ระบบการสอนออนไลน์ได้เต็มที่นัก
การจัดการเรียนการสอนระบบออนไลน์ไม่ได้เกิดขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป
แต่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันเพราะการแพร่กระจายของโรคโควิด-19
ดังนั้น การเรียนรู้รูปแบบการสอนของครูจึงเป็นไปด้วยความกดดันในเวลากระชั้นชิด
ครูผู้พี่ท่านหนึ่งต้องการความช่วยเหลือในการสร้างห้องเรียนออนไลน์
เธอพยายามติดต่อผู้รู้ด้านเทคโนโลยีที่น่าจะให้ความกระจ่างแก่เธอได้
แต่เธอก็ต้องผิดหวัง เพราะผู้รู้ด้านเทคโนโลยีมักใช้ศัพท์ทางเทคโนโลยีมาสอนเธอ
ใช้กระบวนการสอนเหมือนสอนผู้ที่รู้ระบบอยู่แล้ว
เพราะเอาตัวเองเป็นเกณฑ์ในการเรียนรู้
แต่ผู้ที่ต้องเรียนรู้ไม่มีพื้นฐานในการเรียนรู้สิ่งนั้นๆ ย่อมเป็นการยากที่จะเรียนรู้
เธอจึงตัดสินใจเปลี่ยนผู้ที่จะให้ความกระจ่างแก่เธอ
เธอถามผู้ที่เพิ่งเรียนรู้มาด้วยกันและทำพอได้มาบ้างสักพักแล้ว
เธอพบว่า กระบวนการ และขั้นตอนการสื่อสาร การสอนแตกต่างกันมาก
การใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย ชัดเจน ละเอียด ทีละขั้นตอนอย่างช้าๆ
ทำให้เธอสามารถแก้ปัญหาการสอนระบบออนไลน์นี้ผ่านพ้นไปได้อย่างดี
ข้าพเจ้าจึงเรียนรู้ว่า หากข้าพเจ้าต้องการช่วยเหลือใคร
ให้ข้าพเจ้าเข้าไปนั่งในใจ ในความเป็นตัวตนของเขาเสียก่อน
แล้วข้าพเจ้าก็จะสามารถช่วยเหลือเขาได้อย่างถูกวิธี ถูกต้องและสัมฤทธิ์ผลอย่างดี
การเข้าไปนั่งในใจของใครสักคนหนึ่ง
ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย เพราะความแตกต่างกันในบุคลิกลักษณะนิสัย และพื้นฐานชีวิต
ที่เราได้รับมานั้นแตกต่างกัน
บางคน เราอาจจะเข้าไปนั่งในใจเขาได้ไม่ยากเลย
แต่บางคน เราไม่สามารถแม้แต่จะย่างกรายเข้าไปใกล้
เพราะเขาสร้างกำแพงหลายชั้นกีดกั้นคนรอบข้างอยู่ก็เป็นได้
แต่อย่างไรก็ตาม พระเจ้าทรงทราบดีว่า เรากำลังทำอะไร เพื่อใคร
พระวาจาที่ถูกจารึกอยู่ในตราสัญลักษณ์ของคณะภคินีเซนต์ปอล เดอ ชาร์ตร
และเป็นประหนึ่งพระวาจาประจำใจคณะเซอร์ คือคำว่า
"OMNIBUS OMNIA FACTUS SUM" แปลว่า
"จงเป็นทุกอย่าง สำหรับทุกคน"
ข้าพเจ้าท่องประโยคนี้จนขึ้นใจ
ตั้งแต่เข้ามาเป็นครูในโรงเรียนที่คณะเซอร์เซนต์ปอล เดอ ชาร์ตร บริหารงาน
ประโยคที่ท่านนักบุญเปาโลเขียนถึงชาวโครินธ์
เป็นสิ่งที่ท่านนักบุญเปาโลบันทึกและก็เป็นสิ่งที่ท่านปฏิบัติได้เป็นอย่างดี
ท่านจึงเป็นแบบอย่างของการทำงานประกาศข่าวดีด้วยใจ อย่างทุ่มเท
แต่สำหรับข้าพเจ้าแล้ว มันยากเหลือเกิน
ในการเป็นทุกอย่างสำหรับทุกคน บางทีก็ให้ความรู้สึกเหมือนการเป็นทาสรับใช้
แต่ข้าพเจ้าก็รู้ตัวดีว่า เรากำลังทำอะไร เพื่อใคร และมีคุณค่าเพียงใดในสิ่งที่กระทำ
ไม่ใช่ทำทุกสิ่งทุกอย่างตามที่ทุกคนต้องการให้ทำ
แต่ทำทุกสิ่งทุกอย่างที่มีคุณค่าต่อผู้ถูกกระทำต่างหาก
งานที่ทำเพื่อผู้ต่ำต้อยและผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือ
ผู้ที่เข้ามาขอร้องในสิ่งที่เรามีเป็นพระพร และเราสามารถเสียสละหยิบยื่นให้ได้
แม้จะต้องพบกับปัญหาและความยากลำบากบ้างก็ตาม
กิจการเหล่านี้ล้วนมีคุณค่าต่อผู้ให้และผู้รับเสมอ
บิดาสอนบุตรสาวว่า “เมื่อผู้ใหญ่กำลังทำงานอะไรก็ตาม
ลูกต้องรู้จักที่จะไปอยู่ใกล้ๆแถวๆนั้น
เพื่อเมื่อใดที่ผู้ใหญ่ต้องการเรียกใช้จะได้ช่วยเหลือได้ทันที
หรือถ้ารู้ว่าเราสามารถช่วยหยิบจับอะไรได้ก็ต้องรีบเข้าไปช่วย
โดยไม่ต้องให้ผู้ใหญ่ร้องขอให้ช่วย
นั่นคือไวที่จะช่วยเหลือผู้อื่น
เด็กที่ไวต่อการช่วยเหลือผู้ใหญ่ จะเป็นที่รักที่น่าเอ็นดูของผู้ใหญ่
พวกเขาจะมีผู้ใหญ่คอยส่งเสริมเกื้อหนุนในทุกกิจการ”
ข้าพเจ้าสังเกตว่าวัยรุ่นในเมืองจะช้าต่อการมองเห็นความต้องการของคนรอบข้าง
พวกเขาฝักใฝ่แต่ความต้องการของตนเอง
จนลืมมองความต้องการของผู้อื่น
มือของพวกเขาอยู่กับปุ่มโทรศัพท์และสายตาของพวกเขาก็จ้องอยู่ตรงนั้นตลอดเวลา
เขาใช้เวลาไปกับการสร้างความสุขของตน
จนลืมที่จะมีสายตาและมือไว้เพื่อหยิบยื่นความสุขให้คนรอบข้าง
แม้แต่คนใกล้ชิดในครอบครัวของตนก็ตาม
“พระองค์เสด็จเข้าไปจับมือนาง พยุงให้ลุกขึ้น
นางก็หายไข้ และรับใช้ทุกคน”
(มาระโก 1:31)
พระเยซูเจ้าทรงรักษาแม่ยายของเปโตร
เมื่อเธอหายจากไข้ เธอก็ลุกขึ้นปรนนิบัติรับใช้ทุกคนทันที
เหตุการณ์นี้สอนใจข้าพเจ้าเสมอว่า
เมื่อเราได้รับโอกาสดีๆจากผู้อื่น
เราก็ต้องรู้จักที่จะนำโอกาสดีๆเหล่านี้ไปให้คนรอบข้างด้วย
มีสายตาที่ไว มีมือที่พร้อมจะช่วยเหลือผู้อื่นด้วยความรักและเมตตา
ขอให้ลูก ลุกร้อน ด้วยไฟรัก
มีใจภักดิ์ รักพระ ไม่เหลวไหล
มีสายตา อาทร ผู้ร้อนใจ
หยิบยื่นให้ ไมตรี มีเมตตา
..................................... |