ทุกคนต่างประหลาดใจ จึงถามกันว่า

“นี่มันเรื่องอะไร เป็นคำสั่งสอนแบบใหม่ที่มีอำนาจ

เขาสั่งแม้กระทั่งปีศาจ และมันก็เชื่อฟัง”

(มาระโก 1:27)

............................................

แม้กระทั่งปีศาจ ยังเชื่อฟังพระองค์

แต่ข้าพเจ้าเล่ากลับดื้อดึงดัน

ยอมให้ปีศาจร้ายเข้ามาครอบครองจิตวิญญาณ

ปีศาจแห่งความเห็นแก่ตัว

ปีศาจแห่งความอยากมีอยากได้

ปีศาจแห่งการเอาชนะ แก่งแย่งแข่งขัน

ปีศาจที่ยึดเอาความสุขของตนเองเป็นศูนย์กลาง

จิตใจมนุษย์นั้นยากแท้หยั่งถึง

แข็งกระด้างในคราวที่ควรอ่อนโยน

อ่อนแอในคราวที่ควรจะเข้มแข็ง

สิ่งที่จะทำให้เราไม่ตกอยู่ในอำนาจของปีศาจคือการเชื่อฟัง

คำว่าเชื่อฟัง แปลว่า การประพฤติตามคำสั่ง หรือคำสอน

มีคำกล่าวแต่ในอดีตว่า การที่เราเชื่อฟังผู้ที่อาวุโสกว่านั่นคือสิ่งที่ดี

เพราะผู้ที่อาวุโสกว่าอาบน้ำร้อนมาก่อนเรา นั่นหมายความว่า

พวกท่านผ่านประสบการณ์การใช้ชีวิตมามากกว่าเรานัก

เด็กๆมีความสุขกับการทำตามอำเภอใจของตนเอง

แต่จะดีกว่า ปลอดภัยกว่าหรือไม่ ถ้าเขาเชื่อฟังคำสอนเตือนของพ่อแม่

หากพ่อแม่เห็นว่าสิ่งนั้นไม่สมควรกระทำ

เพราะท่านอาจจะล่วงรู้ถึงผลที่จะตามมาอาศัยประสบการณ์ที่ท่านมี

พระเยซูเจ้ายังทรงเป็นแบบอย่างของการเชื่อฟัง

ด้วยความสุภาพนบนอบต่อพระบิดาเจ้า

“พระบิดาเจ้าข้า ถ้าพระองค์มีพระประสงค์

โปรดทรงนำถ้วยนี้ไปจากข้าพเจ้าเถิด

แต่อย่าให้เป็นไปตามใจข้าพเจ้า

ให้เป็นไปตามพระประสงค์ของพระองค์เถิด”

(ลูกา 22:42)

การไม่เชื่อฟังมาจากการที่ใจขาดความสุภาพนบนอบ

ข้าพเจ้าเคยทำงานร่วมกับรุ่นพี่คนหนึ่ง

เธอเป็นคนที่ค่อนข้างมุทะลุ อารมณ์ร้อน และมั่นใจในตนเอง

ทุกครั้งที่ได้รับการตักเตือนเรื่องการงาน

เธอจะเถียงหัวชนฝา ด้วยมั่นใจว่าตนเองทำถูกต้องแล้ว

บางครั้งสิ่งที่เราคิดว่าเราทำถูก อาจจะไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุดเสมอไป

เพราะมาตรฐานการวัดความถูกผิดของมนุษย์นั้นมักยึดเอาตนเองเป็นศูนย์กลางเสมอ

ดังนั้น ชีวิตการทำงานของรุ่นพี่ท่านนั้นจึงกระท่อนกระแท่นมาตลอด

ในขณะที่รุ่นน้องคนอื่นๆค่อยๆเจริญงอกงามเติบโต

และได้รับการพัฒนาในหน้าที่การงานเพิ่มขึ้น

แต่เธอยังคงวนเวียนและโวยวายอยู่ในจุดเดิมของเธอไม่เปลี่ยนแปลงไปไหน

มีแต่จะถอยหลังในหน้าที่การงานลงไปตามลำดับ

แต่อย่างไรก็ตาม ข้าพเจ้ายังเฝ้าขอบคุณรุ่นพี่คนนั้น

ที่ให้ประสบการณ์ชีวิตบางส่วนแก่ข้าพเจ้า

ข้าพเจ้าก็เช่นกัน หากใจปิดกั้น ข้าพเจ้าก็คงไม่มีหูที่จะเชื่อฟังผู้หวังดี

หากดวงตาของใจมืดบอด ข้าพเจ้าก็คงมองไม่เห็นแบบอย่างการดำเนินชีวิต

และหากข้าพเจ้าไร้คำสอนของพระเจ้าในจิตวิญญาณ

ข้าพเจ้าก็คงไม่สามารถแยกแยะผิดชอบชั่วดีได้เลย

“มาเถิด เราจงสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยความยินดี

เราจงโห่ร้องสรรเสริญพระองค์ผู้ทรงเป็นหลักศิลาที่ช่วยเราให้รอดพ้น”

(สดุดี 95:1)

ขอพระองค์ ทรงนำทาง สว่างแจ้ง

ทรงเติมแรง  เติมพลัง  ความหวังให้

ข้าฯจะเดิน  มุ่งตรง  ตามทรงชัย

มีพระองค์ ทรงนำไป  ไม่หวั่นกลัว

………………………….

S