“ผู้ที่ใช้ของของโลกนี้จงเป็นเสมือนผู้ที่มิได้ใช้
เพราะโลกดังที่เป็นอยู่กำลังจะผ่านไป”
(1 โครินธ์ 7:31)
...................................................
“โลกดังที่เป็นอยู่กำลังจะผ่านไป” และโลกใหม่กำลังจะมา
โลกใหม่ที่พระเยซูเจ้าทรงคอยเตือนใจเราให้เตรียมตัวให้ดี
ด้วยแบบอย่างและกิจการของพระองค์
โลกใหม่ที่เราต้องละทิ้งของของโลกที่เรายังยึดติด
ด้วยวัตถุ บุคคล อำนาจ ตำแหน่ง ความหลงใหลในความสบายฝ่ายโลก
ยากจัง!...ฉันผู้ยังคงใช้ชีวิตเป็นคนของโลกพึมพำอยู่ในใจ
ใครๆก็อยากมีแต่ช่วงเวลาแห่งความสุขสบายทั้งกายและใจ
ขณะที่ยังมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้
ปรารถนาสิ่งใด หวังสิ่งใดก็อยากจะได้มาซึ่งสิ่งนั้น
แต่ในความเป็นจริง ชีวิตมันไม่ได้ง่ายดายเช่นนั้น
สิ่งที่ข้าพเจ้าทำได้คือการยอมรับ และเรียนรู้กับทุกช่วงเวลาชีวิต
ด้วยความเข้าใจ วางใจ เชื่อใจ และรักในทุกเหตุการณ์ที่พระทรงจัดสรรให้
ช่วงเวลาของชีวิตมันมากมายด้วยรายละเอียด
มากมายด้วยเส้นทางที่ต้องเลือก
เลือกด้วยจิตวิญญาณแห่งความรัก เลือกด้วยแบบอย่างของพระเยซูเจ้า
ทางเลือกของเราจะไม่ผิดพลาดเหมือนที่เราเลือกตามใจของตนเอง
ข้าพเจ้าเคยใช้ชีวิตที่จะเลือกทำตามใจตนเอง
ตามความสุขสบายของโลก
เลือกที่จะมี เลือกที่จะได้ เลือกที่จะทำ ในสิ่งที่ตนเองปรารถนา
โดยไม่ได้ย้อนกลับไปไตร่ตรองดูเลยว่า สิ่งที่เลือกนั้น
สร้างคุณค่าให้แก่ใครได้บ้าง นอกจากสร้างความสุขสบายให้ตนเอง
เท่านั้นไม่พอ บางครั้งยังเลยเถิดเบียดเบียนคนรอบข้างเพราะขาดความใส่ใจ
“จงตามเรามาเถิด เราจะทำให้ท่านเป็นชาวประมงหามนุษย์”
(มาระโก 1:17)
พระเจ้าทรงเลือกข้าพเจ้าให้เดินตามทางของพระองค์
เส้นทางนี้ที่ไม่ได้สร้างความมั่งคั่งให้ชีวิต
แต่สร้างคุณค่าให้แก่จิตวิญญาณของตนเองและอนาคตของชาติ
ก่อนหน้านี้ข้าพเจ้าอาจจะใช้ชีวิตตามใจตนเอง
แต่ทางเดินใหม่ที่พระองค์ทรงเรียก และเลือกให้ข้าพเจ้าเดิน
เป็นเสมือนกรอบคอยกันข้าพเจ้าไม่ให้หลงทางไปอีก
ชีวิตความเป็นครูอภิบาล ผู้ดูแลจิตวิญญาณ
ถูกเลือกจากความต่ำต้อยของข้าพเจ้าที่หลงทางบ่อยเหลือเกิน
ให้กลายมาเป็นผู้ที่ต้องหมั่นตรวจสอบจิตวิญญาณตนเองสม่ำเสมอ
และคอยดูแลจิตวิญญาณคนรอบข้างด้วย
พระองค์ทรงเลือกให้ข้าพเจ้าเป็นชาวประมงหามนุษย์
และตามหาประชากรของพระเจ้ากลับมาให้ได้มากที่สุด
รวมทั้งตัวข้าพเจ้าเองเช่นกันที่จะต้องสำรวจจิตวิญญาณของตนเองด้วย
ต่างคนต่างถูกเรียก และถูกเลือกมาให้ทำหน้าที่ที่เหมาะสม
ไม่มีอะไรที่สวยงามไปกว่าการสร้างคุณค่าให้กับชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณ
มากกว่าการสร้างความมั่งคั่งฝ่ายโลก
ข้าพเจ้าชอบกวีบทหนึ่งจากเฟส “สิ่งเล็กๆที่เรียกว่ารัก”
ที่สะท้อนชีวิตของการมองบวกในสภาพที่ติดลบว่า
“ขอบคุณถ้อยคำที่ถากถาง
ขอบคุณทุกๆอย่างที่ทำให้ฉันเข้มแข็ง
ขอบคุณทุกบทเรียนที่ราคาแสนแพง
ขอบคุณทุกคำเสแสร้ง
ขอบคุณที่คอยทิ่มแทง
ขอบคุณที่มันทำให้ฉันมีแรงสู้ต่อไป”
ชีวิตจะง่ายขึ้นถ้าเรายอมให้เป็นไปตามน้ำพระทัยของพระเจ้า
ต่อให้ผ่านอุปสรรค ความทุกข์ยากและผู้คนที่พร้อมจะย่ำยีเรา
เราก็จะผ่านมันมาด้วยความภาคภูมิใจในพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ของเรา
เดินตามทางของพระองค์ เราจะไม่ผิดหวังอีกเลย
“ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า โปรดทรงระลึกถึงพระกรุณา
และความรักมั่นคงที่ทรงมีตลอดมา
ขออย่าทรงระลึกถึงบาป และความผิดที่ข้าพเจ้าทำไว้ในวัยเยาว์
โปรดทรงระลึกถึงข้าพเจ้าตามความรักมั่นคงของพระองค์”
(สดุดี 25:6-7)
…………………………. |