“ของของซีซาร์ จงคืนให้ซีซาร์
และของของพระเจ้า ก็จงคืนให้พระเจ้าเถิด”
(มัทธิว 22:21)
.....................................................
อันที่จริงแล้วเราเองก็ไม่ใช่เจ้าของของตัวเองเลย
เพราะเราไม่สามารถกำหนดกฎเกณฑ์วันเวลาที่เราจะเกิดหรือจะตายได้
ดังนั้น ชีวิตของเราจึงเป็นของพระผู้สร้างสรรพสิ่ง
พระองค์ทรงบรรจงสร้างสรรค์เรามาด้วยความรัก
หลายครั้งที่เรายึดติดกับสิ่งของของโลกใบนี้
อำนาจ เกียรติยศ หน้าตา ทรัพย์สมบัติ คำชื่นชมยินดี
ข้าพเจ้าได้ฟังพระบรมราโชวาทของพ่อหลวงรัชกาลที่ 9
ทรงสอนเตือนใจไว้ โดยข้าพเจ้าจับใจความโดยย่อได้ว่า
เราต้องไม่หวั่นไหวกับคำชื่นชม หรือคำตำหนิ
ไม่ยึดติดกับอดีตและพะวงกับอนาคต
ทำปัจจุบันให้ดีและมีคุณค่าที่สุด
ทุกๆวันของพระองค์จึงเป็นวันที่มีคุณค่าและคุ้มค่า
ข้าพเจ้าย้อนกลับไปชมพระบรมฉายาลักษณ์ของพระองค์ท่านทีไร
ภาพที่พระองค์ท่านทรงงานแม้จะทรงประชวร หรือพระชนมายุมากแล้วก็ตาม
ล้วนเป็นแบบอย่างชีวิตที่สอนข้าพเจ้าว่า ทุกเวลาที่เรายังมีลมหายใจอยู่
จงใช้โอกาสนั้นสร้างแต่คุณประโยชน์และสิ่งที่ดีงามไว้
จนถึงวันสุดท้ายของชีวิต
ข้าพเจ้าได้รับทราบถึงงานตามโครงการของพระองค์ท่านกว่า 4,000 โครงการ
ล้วนเป็นโครงการเพื่อบรรเทาทุกข์ของพสกนิกรชาวไทย
และยังเป็นโครงการที่สร้างความเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติทั้งสิ้น
ธรรมชาติเป็นขององค์พระผู้เป็นเจ้า
เมื่อเรารักธรรมชาติ ธรรมชาติก็รักเรา ให้คุณประโยชน์แก่เรา
เมื่อเราทำลายธรรมชาติ ธรรมชาติก็จะย้อนกลับมาทำลายเรา
ในขณะที่พระองค์ท่านพยายามสอนเราให้เป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ
ด้วยปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง หรือแนวคิดทฤษฎีใหม่
แล้วเราหละ...เคยทำตามที่พ่อสอนมากน้อยเพียงใด
คำพระสอนเราก็ไม่ฟัง คำพ่อสอนเราก็ไม่เชื่อ
เราเชื่อตัวตนของตน ความสุขของตน ความสำเร็จของตนเท่านั้นหรือ?
มีคำถามๆ หนึ่งถามข้าพเจ้าว่า
อยากให้อะไรบนโลกนี้กับลูกหลานในอนาคต
ข้าพเจ้าตอบว่า...
โลกที่มีอากาศใสใสไร้มลพิษ
มีชีวิตแวดล้อมด้วยธารน้ำและป่าเขียว
มีมิตรเพื่อนบ้านที่สมัครสมานกลมเกลียว
มีโลกที่สร้างความเป็นหนึ่งเดียวสานสัมพันธ์
ข้าพเจ้าได้อ่านและเรียนรู้
สมณสาส์นเตือนใจ “ขอคำสรรเสริญจงมีแด่พระองค์”
LAUDATOSII:ว่าด้วยการเอาใจใส่ดูแลบ้านส่วนรวมของเรา
เป็นสมณสาส์นที่สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสเตือนใจเรา
ให้พิทักษ์รักษาธรรมชาติของโลกด้วยความยุติธรรม
ซึ่งมนุษย์กำลังเข้าไปเบียดเบียนทำลาย
ไม่เฉพาะธรรมชาติเท่านั้น แต่ทำลายเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน
โดยเฉพาะคนยากจนและคนที่จะได้รับผลกระทบ
จากการกระทำของผู้ที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนเท่านั้น
แต่อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์หรือบุคคลเหล่านั้นอาจจะดูห่างไกลเรามาก
ข้าพเจ้าจึงย้อนกลับมาดูตัวเอง แก้ไขที่ตัวเองก่อนน่าจะดีกว่า
ข้าพเจ้าจะพยายามใช้ทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียงอย่างพ่อหลวง
จะพอใจในสิ่งที่มี ยินดีในสิ่งที่ได้
ใช้ทรัพยากรโลกอย่างรู้คุณค่า และสอนให้เด็กๆใส่ใจกับธรรมชาติรอบตัว
เป็นหนึ่งเดียวกันกับธรรมชาติ และเพื่อนมนุษย์ที่ต้องการความช่วยเหลือ
“จงกล่าวแก่นานาชาติว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นกษัตริย์ปกครอง
พระองค์ทรงตั้งโลกไว้อย่างมั่นคง จะคลอนแคลนมิได้
พระองค์จะทรงพิพากษาประชาชาติด้วยความยุติธรรม”
(สดุดี 96:10-11)
....................................... |