“ข้าพเจ้าได้เรียนรู้ที่จะเผชิญกับทุกสิ่งทุกกรณี”

(ฟิลิปปี 4:12)

มีคติธรรมเตือนใจอยู่ข้อความหนึ่งที่ข้าพเจ้าใช้เตือนใจตัวเองและลูกๆ

นั่นคือ “ดีชั่วอยู่ที่ตัวทำ สูงต่ำอยู่ที่ทำตัว”

ข้อความนี้จะคอยเตือนใจข้าพเจ้าในทุกครั้งที่ข้าพเจ้ากำลังจะหลงทาง

หรือกำลังทดท้อกับสิ่งดีที่ทำแล้วเหมือนดูจะไร้ค่าต่อคนรอบข้าง

มากไปกว่านั้น ข้าพเจ้ายังพึ่งพระวาจาเตือนใจส่วนตัว

เพื่อฉุดดึงจิตวิญญาณของข้าพเจ้าให้เดินไปให้ถูกทาง

“อย่าให้เราเหนื่อยล้าในการทำดี เพราะว่าถ้าเราไม่ท้อใจ

แล้วเราก็จะเก็บเกี่ยวในเวลาอันสมควร”

(กาลาเทีย 6:9)

ทุกๆพระวาจา และข้อความเตือนใจจะสอน...

“ข้าพเจ้าได้เรียนรู้ที่จะเผชิญกับทุกสิ่งทุกกรณี”

(ฟิลิปปี 4:12)

บางคนมีคำพูดบางประโยคของใครสักคนหนึ่งเป็นแรงบันดาลใจ

บางคนมีแบบอย่างชีวิตจากใครสักคนหนึ่งเป็นแนวทางในการปฏิบัติตน

ทุกเหตุการณ์ ทุกท่วงทำนองของชีวิต

ล้วนเป็นแบบเรียนให้เราได้ฝึกฝน

แล้วเมื่อเราผ่านเหตุการณ์หนึ่งๆไปได้ เราก็จะรู้สึกได้ว่าเราเติบโตขึ้นอีกขั้นหนึ่งแล้ว

“ข้าพเจ้าทำทุกสิ่งได้ในพระองค์

ผู้ประทานพละกำลังแก่ข้าพเจ้า”

(ฟิลิปปี 4:13)

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ ข้าพเจ้าได้รับการทาบทามให้ช่วยมาจัดกิจกรรม

สำหรับนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 – 6 ที่มาโรงเรียนสายหลายครั้ง

สิ่งแรกที่ข้าพเจ้ารู้สึกกังวลคือ

ข้าพเจ้าจะทำอย่างไรจึงจะเข้าไปนั่งอยู่ในใจของเยาวชนวัยรุ่นกลุ่มนั้นได้

ทำอย่างไรจึงจะเป็นหนึ่งเดียวกับพวกเขาได้

ข้าพเจ้าสวดขอพระจิตเจ้าทรงนำทาง

เพื่อที่ข้าพเจ้าจะได้กระทำหน้าที่นี้อย่างดีที่สุดตามน้ำพระทัยของพระองค์

เมื่อถึงวันที่กำหนด  ข้าพเจ้ากลับรู้สึกสงบมาก ไม่ตื่นเต้น ไม่พะวงใดใด

แม้ว่าบุคลิก พฤติกรรมของนักเรียนบางคน

จะค่อนข้างขัดต่อใจข้าพเจ้ามากอยู่พอสมควร

แต่เมื่อข้าพเจ้ามองโดยภาพรวมแล้วพวกเขาให้ความร่วมมือมากเกินที่ข้าพเจ้าคาดไว้

ข้าพเจ้าเริ่มกิจกรรมของข้าพเจ้าด้วยการเกริ่นนำทางพวกเขาว่า

ข้าพเจ้ามิได้มีจุดมุ่งหมายเพื่อมาอบรม ต่อว่า หรือจับผิดพวกเขาแต่ประการใดเลย

ข้าพเจ้าขอใช้คำว่าข้าพเจ้ามาเพียงเพื่อต้องการแบ่งปันสิ่งดีดีบางอย่างเท่านั้น

ข้าพเจ้าแบ่งปันคำว่า “ต้นทุนชีวิต” กับพวกเขา

ต้นทุนที่พวกเขามีแต่อาจจะลืมรักษาคุณค่าของมันไว้ให้พัฒนาเพิ่มขึ้นเท่านั้นเอง

ข้าพเจ้าทำทุกสิ่งได้ในพระองค์

ผู้ประทานพละกำลังแก่ข้าพเจ้า

(ฟิลิปปี 4:13)

ข้าพเจ้าขอบพระคุณพระเจ้าที่พระองค์ทรงกระทำให้กิจการในวันนั้น

เป็นกิจการของพระองค์อย่างชัดเจน

อย่างน้อยในช่วงท้ายของกิจกรรม ข้าพเจ้าอวยพรพวกเขา

วัยรุ่นที่ข้าพเจ้าเคยรู้สึกว่าข้าพเจ้าไม่สามารถเข้าไปนั่งในใจของพวกเขาได้

กำลังยกมือขึ้นพนมอย่างสวยงามเพื่อรับพรของข้าพเจ้า

พรที่ข้าพเจ้าให้ด้วยทั้งหมดของใจ

พรที่ให้พวกเขากลับไปและเป็นคนดีของสังคม มีอนาคตที่สวยงาม

มีพระเจ้านำทางพวกเขาเสมอ

“โปรดทรงสอนข้าพเจ้าทั้งหลาย ให้รู้จักนับวันแห่งชีวิตได้ถูกต้อง

เพื่อจะได้มีจิตใจปรีชาฉลาด”

(สดุดี 90:12)

ข้าพเจ้าคิดถึงข้อความจากเรื่องอุปมาในพระวรสารท่อนหนึ่งที่ว่า

“จงไปตามทางแยก พบผู้ใดก็ตาม จงเชิญมาในงานวิวาห์เถิด”

(มัทธิว 22:9)

สิ่งที่ให้นั้นจะมีคุณค่าก็อยู่ที่ผู้รับจะเห็นคุณค่าของมันมากน้อยเพียงใด

** จะดีชั่ว  ตัวดำ  ต่ำเพียงดิน

จะมากมี  ทรัพย์สิน หรือสิ้นศรี

หากแต่ไร้  คุณธรรม  นำชีวี

ก็ไม่มี  คุณค่าใด  ให้จดจำ**

.......................................

S