“ท่านทั้งหลายที่เหน็ดเหนื่อย และแบกภาระหนัก

จงมาพบเราเถิด เราจะให้ท่านได้พักผ่อน”

(มัทธิว 11:28)

.....................................

ธรรมชาติของการดำเนินชีวิตมนุษย์ทุกคนบนโลกใบนี้

ล้วนเต็มไปด้วยขวากหนามและภาระอันหนักหน่วง

หากเราไม่มีสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจ

ในยามที่เราประสบพบเจอปัญหา

เราก็เหมือนลูกโป่งสวรรค์ที่ถูกเด็กน้อยถือและแกว่งไปมาจนหลุดออกจากก้าน

ลอยเคว้งคว้างไร้ทิศทางและแตกกระจายไปในที่สุด

ข้าพเจ้าคิดถึงตัวเองในสมัยที่ยังเป็นวัยรุ่น และเข้าสู่วัยทำงานช่วงแรกเริ่ม

ข้าพเจ้ามั่นใจว่าชีวิตการทำงานของข้าพเจ้า

และมิตรภาพในที่ทำงานกับพี่ๆนั้นจะต้องดำเนินไปอย่างราบรื่นแน่นอน

ข้าพเจ้าคิดว่า บุคลิกลักษณะของข้าพเจ้าไม่น่าจะมีอุปสรรค ปัญหากับใครได้

แต่แท้จริงแล้ว คำว่า คนรักเท่าผืนหนัง คนชังเท่าผืนเสื่อ ก็ยังคงถูกต้องเสมอ

การร้องไห้เป็นทางออกที่ดีที่สุดในยามที่ข้าพเจ้าพบเจอปัญหาต่างๆ

แต่คำภาวนาของพ่อแม่ข้าพเจ้าฉุดดึงให้ข้าพเจ้าได้รับการเพาะบ่มเพิ่มเติม

ประสบการณ์ความยากลำบาก ความคับแค้นใจในการทำงาน

แต่ละปัญหาที่ถาโถมเข้ามาในวันที่ข้าพเจ้ายังเข้มแข็งไม่พอ

ทำให้ข้าพเจ้าต้องพึ่งคำภาวนาของพ่อแม่อยู่เสมอ

เพราะยังรู้สึกว่าคำภาวนาของตนเองมีพลังไม่มากพอเสียทีในการดำเนินชีวิต

ชีวิตของข้าพเจ้าค่อยๆเปลี่ยนไป  ผ่านการได้สัมผัส  และเป็นส่วนหนึ่ง

ในเส้นทางคำสอนของพระเยซูเจ้า

พร้อมกับกิจการต่างๆในพระศาสนจักรที่ข้าพเจ้าได้รับมอบหมายอย่างน่าอัศจรรย์ใจเป็นที่สุด

ตั้งแต่ข้าพเจ้ามีพระวาจาของพระคริสตเจ้าเข้ามาเป็นพลังชีวิต

มีคำภาวนาของคนที่รักข้าพเจ้าคอยส่งคำภาวนาให้

มีคนรอบข้างที่พระบรรจงจัดสรรมามอบประสบการณ์ดีดีให้กับชีวิต

เพื่อข้าพเจ้าจะๆได้สมบูรณ์พร้อมยิ่งขึ้นทางจิตวิญญาณ

กว่าจะมาเป็นข้าพเจ้า ณ วันนี้

มันผ่านช่วงเวลาเลวร้าย  ผิดพลาดพลั้ง เหน็ดเหนื่อย  ท้อแท้

แต่ข้าพเจ้าก็ยังรู้สึกว่า มันไม่เท่ากับนักสู้ชีวิตอีกหลายคน

ที่ต้องผ่านความยากแค้นแสนเข็ญ ความบีบคั้นกดดันในสังคม

ข้าพเจ้าคิดถึงผู้ใช้แรงงานต่างด้าวที่ต้องพลัดบ้าน พลัดครอบครัวมา

ต้องดิ้นรนต่างบ้านต่างเมืองเพื่อทำมาหาเลี้ยงชีวิตตนเอง และคนทางบ้าน

ยิ่งแรงงานที่มีความรู้น้อยและถูกกดขี่จากนายจ้าง

ถูกหลอกลวงต่างๆนานา ซึ่งหลายคนอาจจะนิ่งดูดายเพราะเห็นว่าไกลตัว

ไม่ใช่ญาติพี่น้องของตน

พวกเขาเหน็ดเหนื่อยและแบกภาระหนักกว่าข้าพเจ้าหลายเท่านัก

พวกเขายังคงเห็นคุณค่าของตัวเองที่จะต้องดำเนินชีวิตเพื่อคนที่รออยู่เบื้องหลัง

แล้วข้าพเจ้าจะยังควรจะจมปรัก

อยู่กับความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าเล็กๆน้อยๆของตนเองในบางช่วงเวลาอีกหรือ

ผู้ต่ำต้อยและแลดูเหมือนจะด้อยค่าในสายตาผู้อื่น

พวกเขากลับเข้มแข็งและมีพลังต่อสู้ชีวิตมากกว่าเราเสียอีก

“ข้าพเจ้าสรรเสริญพระองค์ที่ทรงปิดบังเรื่องเหล่านี้

จากบรรดาผู้มีปรีชาและรอบรู้

แต่ทรงเปิดเผยแก่บรรดาผู้ต่ำต้อย”

(มัทธิว 11:25)

คำคมของเพจคนบ้านนอกเขียนเอาไว้ว่า

“ชื่นชมให้เขา “มีค่า”

ดีกว่านินทาให้เขา “ต่ำต้อย””

เพราะผู้ที่ถูกกระทำให้ต่ำต้อยในสายตามนุษย์

จะกลับยิ่งใหญ่ในสายพระเนตรของพระเจ้า

และแอกอันหนักหน่วงของพวกเขา จะได้รับความบรรเทาด้วยพระเมตตา

จงมีใจ  เมตตา  อย่าล้าอ่อน

ประพฤติตาม  คำสอน  พระเลือกสรร

พระเจ้าทรง  เติมใจ  ให้ครบครัน

แอกแบกนั้น  จะเปลี่ยนผัน  พลันนุ่มเบา

แม้บางวัน  จะเหนื่อยล้า  น่าทดท้อ

อาจตัดพ้อ  ระย่อบ่น  คล้ายคนเขลา

แต่ความเชื่อ  ความรัก  จะบรรเทา

ให้ภาระ  บางเบา   ด้วยพระพร

................................

S