“การทนทุกข์เพราะทำความดี
ย่อมดีกว่าการทนทุกข์เพราะทำความชั่ว”
(1 เปโตร 3:17)
.........................................
คนหนึ่ง...คดโกงเขามาจนร่ำรวย
ใช้ชีวิตในแต่ละวันอยู่กับการวางแผนคดโกงผู้อื่น
ทรัพย์สินที่ได้มาจากการคดโกงก็เป็นทรัพย์สินร้อน
คนหนึ่ง...มีแค่พอกินพอใช้
ใช้ชีวิตแต่ละวันเป็นพระพรสำหรับคนรอบข้าง
ทรัพย์สินที่ได้มาจากหยาดเหงื่อแรงกายก็เป็นทรัพย์สินเย็น
...............................
อันความทุกข์ จากการ ทำความดี
ย่อมต้องมี คุณค่า ศักดิ์ศรีกว่า
ทำเพราะรัก ทำเพราะ ใจเมตตา
ย่อมดีกว่า ทุกข์เพราะ ใจมืดดำ
ทำสิ่งดี ก็ย่อม ต้องได้ดี
อาจจะมี ทุกข์บ้าง ให้ชอกช้ำ
แต่สิ่งดี ที่ทำ จักหนุนนำ
สู่ทางธรรม ล้ำค่า กว่าสิ่งใด
หลายครั้งที่ข้าพเจ้าอ่านโพสต์ในเฟสของเพื่อนสมาชิก
หลายโพสต์พร่ำบ่นระบายความทุกข์ในการดำเนินชีวิตที่ไม่เป็นไปอย่างคาดหวัง
รวมไปถึงความทดท้อที่กระทำสิ่งดีแล้วไม่ได้รับการตอบแทนในความดีนั้น
นั่นเพราะกิจการดีที่เรากระทำนั้นเราคาดหวังผลตอบแทนที่ความได้รับทันใจ ทันเวลา
แต่พระเจ้าทรงตรัสสอนเราว่า
“การทนทุกข์เพราะความดี
ย่อมดีกว่าการทนทุกข์เพราะทำความชั่ว”
(1 เปโตร 3:17)
ความดีที่เรากระทำ หลายครั้งก็นำความขื่นขม ระทม ทดท้อมาให้ดวงใจ
แต่ทุกครั้งที่เราสามารถก้าวข้ามผ่านความรู้สึกเหล่านั้นไปได้
เราจะเห็นแสงแรกแห่งชีวิตที่ส่องสว่างในวิญญาณของเรา
แม้เราจะต้องก้าวข้ามผ่านมันไปด้วยความยากลำบากเพียงใด
การพร่ำบ่นยิ่งทำให้เราจมอยู่กับความคิดของตนเอง
วนเวียนอยู่แต่ในความรู้สึกผิดหวังที่ทุกสิ่งไม่เป็นไปดังที่ใจคาดหวังไว้
การบังคับตนเองไม่ให้พร่ำบ่น หรือพร่ำบ่นให้น้อยลง
ด้วยการทำกิจการดีที่เรามีเป็นพระพรสำหรับคนรอบข้าง
คิด พูด มอง กระทำ แต่สิ่งที่เป็นบวกกับชีวิต
ลด ละ เลิก การกระทำในสิ่งที่ทำให้ใจมืดมัวหม่นดำ
พระเจ้าสัญญาว่าพระองค์ไม่เคยทอดทิ้งเราให้เผชิญปัญหาเพียงลำพัง
เพียงแค่เราแสดงให้พระองค์รับรู้ว่าเรากำลังพยายามทำสิ่งที่ดีอย่างไม่ทดท้อ
“เราจะไม่ทิ้งท่านทั้งหลายให้เป็นกำพร้า
เราจะกลับมาหาท่านในไม่ช้า”
(ยอห์น 14:18)
ความรักของพระองค์จะคอยปกปักษ์พิทักษ์รักษาเราจากความชั่วร้าย
ความดีที่เราเพียรกระทำจะคอยคุ้มกันเราให้พ้นภัยจากมารร้ายทั้งปวง
ความเพียรทนจากความทุกข์ในการทำความดี
จะเป็นโล่กำบังให้เราปลอดภัยจากเงามืดที่คืบคลานเข้ามาในวิญญาณ
พระเจ้าเป็นองค์ความรัก และพระองค์ทรงเป็นองค์ความดีสมบูรณ์
“พระองค์ไม่ทรงปฏิเสธคำภาวนาของข้าพเจ้า
ไม่ทรงถอนความรักมั่นคงของพระองค์จากข้าพเจ้า”
(สดุดี 66:20)
........................................ |