“พระเยซูเจ้าตรัสกับเขาอีกว่า สันติสุขจงสถิตกับท่านทั้งหลายเถิด

พระบิดาทรงส่งเรามาฉันใด

เราก็ส่งท่านทั้งหลายไปฉันนั้น

(ยอห์น 20:21)

....................................................

ข้าพเจ้าถามพนักงานบริษัทคนหนึ่งถึงภาระหน้าที่ในบริษัทของเขา

เขาเล่าว่า พนักงานบริษัทจะทำหน้าที่ของตนอย่างจำเจมาก

ถ้างานในหน้าที่ของตนเรียบร้อยแล้วก็คือ สบายเพราะว่างเว้นแล้ว

ข้าพเจ้ากลับมานั่งนึกถึงภาระหน้าที่ของข้าพเจ้า

ข้าพเจ้าเป็นครู ภาระหน้าที่ของครูไม่ได้สิ้นสุดลงเมื่อสอนจบคาบ

ภาระหน้าที่ความเป็นครูติดตัวข้าพเจ้าไปตลอดเวลา

มันคล้ายๆเหมือนเป็นตราประจำตัวของคำว่าครูว่าต้องเป็นอย่างไร

เมื่อคนรอบข้างมองและรู้ว่านี่คือครูผู้ให้ความรู้ที่ควรคู่กับคุณธรรมด้วย

มันยาก  มันเหมือนถูกตีกรอบให้ชีวิตว่าไม่ควรผิดพลาด

ยิ่งไปกว่านั้น ข้าพเจ้าเป็นครูคาทอลิก

ยิ่งข้าพเจ้าเดินเข้ามาสู่ศูนย์กลางความเชื่อ ความศรัทธา และความรัก

ข้าพเจ้ายิ่งต้องตัด สละ ระมัดระวัง รอบคอบในการดำเนินชีวิตยิ่งขึ้น

ข้าพเจ้าไม่เคยบอกว่าข้าพเจ้าเป็นคนที่ดีพร้อม

แต่เพราะข้าพเจ้าเคยผ่านสิ่งเลวร้าย ความอ่อนแอฝ่ายกายมาแล้วต่างหาก

มันจึงเป็นบทเรียนราคาแพงที่ติดตัวข้าพเจ้ามาตลอด

จวบจนวันที่ข้าพเจ้าเข้ามาทำงานของพระเต็มตัวยิ่งขึ้น

ข้าพเจ้าจึงสัมผัสได้ถึงการให้อภัย  พระเมตตาที่พระเจ้าทรงมีต่อข้าพเจ้า

และคนที่ข้าพเจ้ารักทุกคน

บาปผิดบกพร่องของข้าพเจ้า  พระเจ้าไม่เคยเหลียวมองหรือจดจำไว้เลย

พระองค์เพียงแค่ตีสอนบ้าง  เตือนผ่านเหตุการณ์ต่างๆบ้าง

ให้ข้าพเจ้าสำนึก และแก้ไขความผิดบกพร่องนั้น

ข้าพเจ้าบอกกับตัวเองว่า

ต่อจากวันนั้นที่ข้าพเจ้าได้รับการอภัยแล้ว

ข้าพเจ้าจะไม่กลับไปทำสิ่งเลวร้ายซ้ำอีก

และข้าพเจ้าเรียนรู้ที่จะรักพระเจ้าให้มากยิ่งขึ้น

ข้าพเจ้าสอนนักเรียนคำสอนว่า หากคุณจะรักใครสักคน

คุณก็ย่อมต้องอยากที่จะรู้จักประวัติของเขา  ที่มาของเขา

และทุกรายละเอียดของเขา

เขาจะเป็นเหมือน Idol ในชีวิตคุณ ที่คุณเฝ้าคอยติดตามทุกความเคลื่อนไหว

คุณพ่อสมเกียรติ  ตรีนิกร  สอนข้าพเจ้าและเพื่อนผู้อบรมพระคัมภีร์ร่วมกันว่า

หากลูกจะออกไปบอกเรื่องราวของพระเยซูเจ้าให้คนอื่นรู้จัก

ลูกต้องรู้จักพระเยซูเจ้าชัดเจนก่อน

เพราะ “ไม่มีใครให้ในสิ่งที่ตนไม่มีได้”

และสิ่งที่ตนมีก็ต้องเป็นสิ่งที่ตนรักมากด้วยจึงจะสามารถถ่ายทอดได้ชัดเจนขึ้น

บุคคลที่เรารัก ยิ่งเราต้องฝ่าฟันเพื่อจะได้รักมากเท่าไหร่

คุณค่าของความรักนั้นก็จะยิ่งเข้มข้นขึ้น

“ท่านจงชื่นชม แม้ว่าในเวลานี้ท่านยังต้องทนทุกข์

จากการถูกทดสอบต่างๆ ชั่วขณะหนึ่ง

เพื่อคุณค่าที่แท้จริงแห่งความเชื่อของท่านจะได้รับการสรรเสริญ”

(1 เปโตร 1:6)

เมื่อข้าพเจ้าผ่านการถูกทดสอบแล้ว

มันจะเป็นเครื่องยืนยันว่าข้าพเจ้าเข้มแข็งมากพอที่จะรัก

และมั่นคงมากพอที่จะเดินทางบนหนทางความเชื่อนี้เพียงใด

และมีความหวังมากพอที่จะก้าวไปข้างหน้าอย่างมุ่งมั่นตั้งใจ

ทิ้งอดีตที่หม่นมัว ยืนอยู่บนปัจจุบันที่รอบคอบ

และก้าวไปสู่อนาคตที่พระเจ้าจัดเตรียมไว้ตามความเหมาะสม

มีอดีต  เป็นบทเรียน  ให้มุ่งมั่น

มีปัจจุบัน   สอนฉัน   อย่าหวั่นไหว

มีอนาคต   มอบให้พระ   อย่างวางใจ

มีทุกก้าว  ที่ก้าวไป  ในพระพร

มีความรัก  ยืนยัน  ว่าจะรัก

มีความเชื่อ ไว้พิงพัก  ยามล้าอ่อน

มีความหวัง  ที่ปลายทาง  ตะวันรอน

มีพระพร  ล้นคณา  ค่าอนันต์

“สันติสุขจงสถิตกับท่านทั้งหลายเถิด”

(ยอห์น 20:26)

...............................................

S