“จงคิดถึงแต่สิ่งที่อยู่เบื้องบน
อย่าพะวงถึงสิ่งของบนแผ่นดินนี้”
(โคโลสี 3:2)
........................................................
ในวันที่พระเยซูคริสตเจ้าทรงกลับคืนพระชนมชีพ
เราก็ได้รับชีวิตใหม่พร้อมกับพระองค์
เราได้ตายจากบาป และเจริญชีวิตใหม่ในความชอบธรรม
อาศัยการไถ่กู้ด้วยชีวิตของพระคริสตเจ้า
มีภาพสะท้อนช่วงเวลาของความเป็นความตายอยู่ 2 ภาพ
ภาพหนึ่งสะท้อนการเตรียมตัวตายอย่างสงบ
มีพระสงฆ์มาส่งศีลเจิมให้ มีทูตสวรรค์มารอต้อนรับอย่างอบอุ่น
อีกภาพหนึ่งสะท้อนความกระวนกระวายพะวง
กับทรัพย์สมบัติบนโลกนี้
ไม่พร้อมจากลาโลกใบนี้ทั้งๆที่ก็ไม่อาจยื้อชีวิตไว้ได้
ภาพสะท้อนการดิ้นรนต่อสู้ และมีซาตานมารอรับวิญญาณไป
ถ้าเรารู้วันเวลาที่เหลืออยู่ของเรา
เราจะปฏิบัติตนอย่างไร
สนุกสนานให้เต็มที่หรือเปล่า
หรือเตรียมตัวเตรียมใจเก็บเกี่ยวแต่คุณงามความดี
เพื่อรักษาดวงวิญญาณของตนให้บริสุทธิ์พอที่จะเข้าสู่สวรรค์
ตอนเด็กข้าพเจ้ารู้สึกว่าวันเวลาของข้าพเจ้าช่างมีมากมายเหลือเฟือจริงๆ
ทุกครั้งที่ทำผิดพลาดเพียงเพื่อความสุขส่วนตัว ข้าพเจ้าก็เฝ้าบอกตัวเองว่า
เรายังมีเวลาอีกเยอะที่จะทำความดี รอก่อนก็ได้
เป็นบุญเหลือเกินที่พระเจ้าไม่ทรงเรียกข้าพเจ้าไปในช่วงวันเวลาเหล่านั้น
เพราะข้าพเจ้าจะไม่มีโอกาสแก้ตัวได้อีกเลย
ทุกวันนี้ข้าพเจ้าสัมผัสถึงความรัก พระเมตตาของพระมากขึ้น
ล่วงมานานเท่าไหร่แล้วนะ
ที่ข้าพเจ้าใช้ชีวิตเพื่อกอบโกยความสุขส่วนตัว
วัยวันทำให้ข้าพเจ้าระลึกได้ว่า
ในแต่ละวันช่างเป็นบุญเสียเหลือเกิน
ที่เรายังมีลมหายใจในทุกเช้าวันใหม่เพื่อให้เราเก็บเกี่ยวความดีเป็นพลังวิญญาณ
“จงขอบพระคุณองค์พระผู้เป็นเจ้า
เพราะพระองค์พระทัยดี
ความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงอยู่เป็นนิตย์”
(สดุดี 118:1)
ตลอดช่วงเทศกาลมหาพรตปีนี้
ข้าพเจ้าได้รับทราบข่าวคราวการลาจากโลกนี้ของเพื่อนพี่น้องหลายคน
บางคนรู้ตัวเองล่วงหน้า เตรียมตัวเองอย่างดี
บางคนไม่รู้ตัวเองด้วยซ้ำว่าวันพรุ่งตัวเองจะไม่มีลมหายใจอีกแล้ว
มันน่าเศร้าถ้าญาติพี่น้องของเราต้องมาจากเราไป
และเรารับรู้ว่า เขายังไม่ได้เตรียมตัวตายอย่างดี
เมื่อมองดูเขา เราก็ย้อนกลับมามองดูตัวเราเอง
เราหละ เตรียมตัวดีเพียงใด
....................................................... |