“อับรามจึงออกเดินทางตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส”
(ปฐมกาล 12:4)
........................................................
อับราฮัม ผู้เป็นแบบอย่างแห่งความเชื่อสำหรับคริสตชน
เมื่อครั้งที่พระเจ้าตรัสให้ท่านออกจากแผ่นดินของตน
และเดินทางไปยังแผ่นดินใหม่ที่ท่านไม่เคยรู้จัก
ท่านก็ออกเดินทางไปด้วยความเชื่อในองค์พระผู้เป็นเจ้า
มันเป็นการยากที่เราจะมีความเชื่อได้มากมายเช่นนั้น
เบื้องหน้าที่แลดูเหมือนจะเป็นอุปสรรคสำหรับเรา
เราก็ไม่กล้าที่จะเหยียบย่างเข้าไปแม้เพียงปลายเท้า
ความเจ็บปวด ความผิดหวังอย่างหนักหน่วง จากปัญหาและอุปสรรคในชีวิต
เป็นส่วนหนึ่งของการฝึกฝนความเชื่อให้มั่นคงยิ่งขึ้น
คล้ายกับการสอนให้ชีวิตเข้มแข็งขึ้นเมื่อต้องผ่านปัญหาและอุปสรรค
เพียงแค่ว่าความเชื่อจะเดินทางไปพร้อมกับเราในอุปสรรคและปัญหานั้น
แต่ความเข้มแข็งของชีวิต รอเราอยู่ปลายทางความสำเร็จถ้าเราผ่านมันไปได้
เมื่อความเชื่อฝ่ายจิตในองค์พระผู้เป็นเจ้า
รวมกับความเข้มแข็งฝ่ายกายในการลุกก้าวเดินผ่านอุปสรรคไป
ไม่มีอะไรยากเกินกำลังที่เราจะก้าวไปได้พร้อมกับพระเจ้า
“แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเฝ้าพิทักษ์ผู้ที่ยำเกรงพระองค์
ผู้ที่หวังในความรักมั่นคงของพระองค์
เพื่อจะช่วยชีวิตของเขาให้พ้นจากความตาย
และรักษาเขาไว้ในยามอาหารขาดแคลน”
(สดุดี 33:18-19)
ชีวิตของคนเราไม่มีอะไรแน่นอนเลยจริงๆ
ยิ่งในสังคมปัจจุบัน ยิ่งทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกกลัว หวาดหวั่น ระแวง
และขาดความไว้วางใจในเพื่อนมนุษย์ไปหมด
ข้าพเจ้าเคยเดินตลาดนัดกับลูกๆในเย็นวันหนึ่ง
จู่ๆก็มีชายวัยรุ่นคนหนึ่งวิ่งถือมีดยาวฟาดฟัน
ชายวัยรุ่นอีกคนหนึ่งข้ามถนนมาทางข้าพเจ้าและลูกๆ
ข้าพเจ้ารีบดันลูกๆเข้าไปหลบในร้านขายเสื้อผ้าร้านหนึ่งด้วยความตื่นตระหนกตกใจ
ชีวิตเราช่างอยู่ยากเสียเหลือเกิน
บางคนก็ทำร้ายตนเองในขณะที่อีกหลายคนร้องขอต่อชีวิต
บางคนก็ทำร้ายผู้อื่นในขณะที่อีกหลายคนกำลังช่วยต่อชีวิตให้คนอื่น
หากข้าพเจ้าขาดความเชื่อ ความไว้วางใจในองค์พระผู้เป็นเจ้า
ผู้ทรงเป็นชีวิตของข้าพเจ้าไปเสียแล้ว
ข้าพเจ้าคงรู้สึกทดท้อกับการมีชีวิตที่แสนยากลำบากบนโลกใบนี้เหลือเกิน
แต่ด้วยความเชื่อ ทำให้ข้าพเจ้ามั่นใจว่า
เหตุการณ์อันไม่น่าจดจำเหล่านั้น เป็นเสมือนบทเรียนให้ข้าพเจ้าได้เรียนรู้
เป็นบทเรียนที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงมอบให้ข้าพเจ้า
เพื่อสอนให้ข้าพเจ้าไว้วางใจในพระเจ้าให้มากยิ่งๆขึ้น
ให้ฝากชีวิต การกระทำ และทุกสิ่งทุกอย่างไว้กับพระองค์
และทำทุกวันให้เป็นพระพรสำหรับตนเองและคนรอบข้าง
บทเรียนเหล่านั้นสอนให้ข้าพเจ้าไม่ใช้ชีวิตอยู่บนความประมาท
และในขณะเดียวกัน ก็สอนให้ข้าพเจ้าไว้วางใจในพระเจ้า
ผู้เป็นป้อมปราการของข้าพเจ้า
“แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเฝ้าพิทักษ์ผู้ที่ยำเกรงพระองค์
ผู้ที่หวังในความรักมั่นคงของพระองค์
เพื่อจะช่วยชีวิตของเขาให้พ้นจากความตาย
และรักษาเขาไว้ในยามอาหารขาดแคลน”
(สดุดี 33:18-19)
ทุกครั้งที่เราพบเจออุปสรรคและปัญหาในการดำเนินชีวิต
ทุกครั้งที่เราพบความยากลำบากในการอยู่ร่วมกับผู้อื่น
ทุกครั้งที่เราไม่เข้าใจถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเราเอาเสียเลย
และทุกครั้งที่มีอะไรก็ตามมาทำให้การดำเนินชีวิตของเราต้องสะดุด
แสงสว่างแห่งความเชื่อในพระเจ้า
จะนำทางเราให้ผ่านพ้นทุกครั้งนั้นไปอย่างดี
ตามเวลาที่เหมาะสมที่พระองค์ทรงวางไว้ให้กับผู้ที่มีความเชื่อ
พระองค์จะนำเราไปยังทางแห่งพระพร และร่มเงาแห่งชีวิต
“พระเจ้าข้า ที่นี่สบายและน่าอยู่จริงๆ...”
(มัทธิว 17:4)
“จงลุกขึ้นเถิด อย่ากลัวเลย”
(มัทธิว 17:7)
...................................... |