“ปีศาจจึงได้ละพระองค์ไป
แล้วทูตสวรรค์ก็เข้ามาปรนนิบัติรับใช้พระองค์”
(มัทธิว 4:11)
..............................................
แม้แต่ปีศาจยังมาผจญพระเยซูเจ้าในขณะรับสภาพมนุษย์
ในขณะที่พระองค์ทรงหิวเพราะอดอาหารมานานถึง 40 วัน 40 คืน
ความหิวสำหรับพระองค์ เป็นเพียงความทุกข์ยากฝ่ายกาย
พระองค์สอนว่า อาหารฝ่ายวิญญาณนั้นสำคัญยิ่งกว่า
ในขณะที่พระองค์ทรงมีอำนาจของพระเจ้า
แต่พระองค์ก็ไม่เคยใช้อำนาจนั้นเพื่อยกพระองค์ขึ้นเหนือใคร
พระองค์กลับทรงใช้อำนาจนั้นเพื่อช่วยเหลือผู้ทุกข์ยาก
อำนาจความมืดไม่อาจเอาชนะอำนาจแห่งแสงสว่างของผู้ที่มีความเชื่อ
ความหวัง และความรักมั่นคงในพระเจ้าได้เลย
ในอดีต มนุษย์คนหนึ่งทำให้อำนาจมืดเข้ามาปกคลุมมนุษยชาติ
แต่ในพระเยซูคริสตเจ้า เราได้รับแสงสว่างใหม่
เป็นแสงสว่างที่ทำลายอำนาจแห่งความมืดที่ปกคลุมโลกให้จางหายไป
และทำให้มวลมนุษยชาติได้พบกับความสว่าง
แห่งหนทาง ความจริงและชีวิตอีกครั้งหนึ่ง
“มวลมนุษย์กลายเป็นคนบาปเพราะความไม่เชื่อฟังของมนุษย์คนเดียวฉันใด
มวลมนุษย์ก็จะเป็นผู้ชอบธรรมเพราะความเชื่อฟังของมนุษย์คนเดียวฉันนั้น”
(โรม 5:19)
ในสมัยข้าพเจ้ายังเป็นเด็กน้อย ข้าพเจ้าสงสัยอย่างยิ่ง
กับข้อคำสอนของพ่อแม่และครูคำสอนที่คอยกล่าวย้ำข้าพเจ้าว่า
“พระวาจาของพระเจ้าเป็นชีวิต”
คำว่าเป็นชีวิตคืออะไร คือการมีชีวิตอยู่อย่างมีปกติสุขใช่ไหม?
หรือ คือการดำรงชีวิตอยู่อย่างมิรู้ตายหรือเปล่า?
จวบจนวันนี้ ข้าพเจ้าได้เรียนรู้ผ่านประสบการณ์ความเชื่อว่า
“พระวาจาของพระเจ้าทรงเป็นชีวิต” คือ ถ้อยคำของพระคริสตเจ้า
ที่ตรัสไว้ในพระคัมภีร์นั้น
เมื่อข้าพเจ้าได้รับฟัง และนำมาไตร่ตรองปรับใช้กับชีวิตอย่างสม่ำเสมอ
ท่ามกลางความผิดพลาดบกพร่องและด้วยใจที่อ่อนแอ
ของความเป็นมนุษย์อย่างข้าพเจ้า
จนกระทั่งพระวาจานั้นหล่อหลอมจิตวิญญาณและดวงใจของข้าพเจ้า
ให้มีความเข้มแข็งพอที่จะสามารถปฏิเสธความอ่อนแอฝ่ายจิตได้
ก้าวย่างทางผ่านแห่งการปฏิเสธความปรารถนาฝ่ายกาย
ทั้งอำนาจ ความสุขสบายฝ่ายโลก
มันเป็นสิ่งที่ยากเย็นสำหรับมนุษย์ที่อ่อนแอเช่นข้าพเจ้า
มันฝืนดวงใจที่ปรารถนาความร่มรื่นแห่งชีวิต
แต่ทุกก้าวย่าง ข้าพเจ้ามั่นใจในพระพรที่พระองค์จะประทานให้ดวงใจข้าพเจ้า
ปรับเปลี่ยนดวงใจดวงเก่าของข้าพเจ้าให้เป็นดวงใจดวงใหม่
ที่มีความเข้มแข็งมากพอและพร้อมที่จะต่อสู้กับปีศาจร้ายในชีวิตต่อไป
“โปรดล้างข้าพเจ้าให้สะอาดหมดจดจากความผิดของข้าพเจ้า
โปรดชำระข้าพเจ้าให้บริสุทธิ์จากบาปที่ข้าพเจ้าได้ทำ”
(สดุดี 51:3-5)
มหาพรตปีนี้ ข้าพเจ้ามีความมุ่งมั่นตั้งใจอย่างยิ่ง
ที่จะพลีกรรม อดเนื้อและอดอาหารให้ได้อย่างดีที่สุด
มันเป็นการยากสำหรับผู้ที่ต้องทำงานและมารมักจะมาผจญในเวลาเช่นนี้เสมอ
ยิ่งไปกว่านั้น ข้าพเจ้ามีความหวังว่า
ตลอดเวลา 40 วันนี้ ข้าพเจ้าจะพยายาม คิดดี พูดดี ทำดีกับทุกๆคน
ข้าพเจ้ามิได้กล่าวว่าข้าพเจ้าทำได้แน่นอน
แต่ข้าพเจ้าจะพยายามทำให้ได้ดีที่สุด
อย่างน้อยสิ่งหนึ่งที่ข้าพเจ้าจะต้องฉุกคิดถึงความมุ่งมั่นตั้งใจนี้
ในขณะที่มารกำลังผจญข้าพเจ้าอย่างหนักบนเส้นทางมหาพรต
คือ ความผิดบาปของข้าพเจ้า และพระพรสำหรับคนที่ข้าพเจ้ารัก
ขอให้ความมุ่งมั่นตั้งใจนี้ แม้จะไม่ได้ดีที่สุด
แต่เป็นความพยายามที่สุดของข้าพเจ้า
สำหรับชดเชยบาปโทษของข้าพเจ้าไม่มากก็น้อย
และสำหรับพระพรที่จะไหลหลั่งลงมายังบุคคลที่ข้าพเจ้ารัก
ขอพระพรแด่ทุกท่านในช่วงเวลา 40 วันแห่งการเดินทาง
ผ่านความทุกข์ยากไปสู่ความสว่างแห่งชีวิต
.............................................. |