“บัดนี้ ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า
พระองค์ทรงเป็นพระบิดาของข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าทั้งหลายเป็นเหมือนดินเหนียว พระองค์ทรงเป็นผู้ปั้น
ข้าพเจ้าทุกคนเป็นผลงานจากฝีพระหัตถ์”
(อิสยาห์ 64:8)
เมื่อสมัยยังเป็นเด็กน้อย ข้าพเจ้ารู้สึกว่าตัวเองถูกตีตราว่าเป็นเด็กหญิงที่เชื่องช้า
ขี้แย เรียนหนังสือไม่เก่ง อ่อนแอ ขี้ขลาด
และไม่มีความสามารถอะไรโดดเด่นเหมือนพี่น้องเลย
เคยมีอาจารย์ท่านหนึ่งกล่าวแก่ข้าพเจ้าว่า เธอมันไม่เอาไหนเลย
นี่ผลงานของเธอรึ ทำไมมันดูเน่าขนาดนี้
เสียงที่กล่าวออกมาดังพอที่เพื่อนๆในห้องจะได้ยินโดยพร้อมเพรียง
ข้าพเจ้าหน้าชาและรู้สึกอับอายเพื่อนๆ และทำได้เพียงก้มหน้า
จวบจนวันหนึ่ง อาจารย์คริสเตียนท่านหนึ่งกล่าวแก่ข้าพเจ้าว่า
“ภารดี หนูจำไว้นะ หนูเป็นลูกพระที่น่ารัก
หนูเป็นคนที่มีพระพร และพระก็รักหนูมาก
หนูสามารถทำได้ทุกอย่างเพราะหนูเป็นลูกของพระ
หนูเป็นผลงานที่สุดวิเศษของพระเจ้า หนูต้องหาพระพรของหนูให้พบนะ”
ใช่...ฉันเป็นลูกพระ ฉันมีพระพรพิเศษที่ไม่เหมือนใคร
หลังจากนั้น ฉันพยายามหาพระพรพิเศษของตนเอง
ผ่านเหตุการณ์ต่างๆที่พระเจ้าส่งเข้ามาให้ฉันได้สัมผัสถึงพระพรของตนเองที่มีเพื่อผู้อื่น
ฉันได้เขียนบทความไตร่ตรองพระวาจา ฉันได้เขียนบทกลอน คำคล้องจองสอนใจ
ฉันเขียน เขียน และเขียน จากเรื่องสั้นๆ จากประสบการณ์ชีวิต จากข้อคิดที่ฉันได้รับ
ถ่ายทอดมาเป็นตัวอักษร นี่ไง พระพรของฉัน
พระพรที่เดินทางเข้ามาในเวลาที่ใช่ และเหมาะสมอย่างช้าๆ
ค่อยๆถูกถ่ายทอดให้สัมผัสใจสู่คนใกล้ตัว และกระจายออกไปเรื่อยๆ
ตามที่พระเจ้าเห็นสมควร
“ข้าพเจ้าทุกคนเป็นผลงานจากฝีพระหัตถ์”
(อิสยาห์ 64:8)
พระพรที่ข้าพเจ้าค้นพบอาศัยพระเจ้าผู้ทรงนำทางข้าพเจ้า
จะไม่สามารถพัฒนาไปได้เลยหากเป็นพระพรที่ทำเพื่อตนเอง
พระเจ้าทรงสอนข้าพเจ้าผ่านเหตุการณ์ต่างๆ
ให้ข้าพเจ้ารู้ว่า พระพรที่มีนั้นต้องมีเพื่อรับใช้ผู้อื่น
วันเวลาที่เหลืออยู่บนโลกใบนี้ เป็นวันเวลาแห่งพระพร
ที่ข้าพเจ้าและลูกๆของพระเจ้า จะต้องสะสมแต้มแห่งความดีงาม
ในการนำพระพรที่ตนมีไปรับใช้คนรอบข้างอย่างเต็มที่
เพื่อว่าในวันสุดท้ายปลายชีวิต เราจะได้มีแต้มความดี ใช้พระพรอย่างมีคุณค่า
นำพาตนเองและคนรอบข้างไปสู่บ้านแท้ถาวร ณ วิมานสวรรค์
“ท่านได้รับพระพรทุกด้าน และทุกประการเดชะพระองค์
คือการประกาศพระวาจา และความรู้ทุกอย่าง”
(1 โครินธ์ 1:5)
ในพระเจ้าข้าพเจ้าจึงไม่ขาดแคลนสิ่งดีใดๆเลย
ในพระเจ้าข้าพเจ้าจึงพรั่งพร้อมไปด้วยพระคุณและพระพรนานาประการ
ในพระเจ้าข้าพเจ้าจึงสามารถข้ามโขดหินและหน้าผาสูงชันได้โดยไม่หวาดกลัว
และในพระเจ้า ข้าพเจ้าจะชนะต่อความชั่วร้ายทุกประการ
ขอให้ข้าพเจ้าเฝ้าระวังตนให้พ้นจากความเลวร้ายต่างๆ ในการดำเนินชีวิต
มีพระวาจาเป็นเกราะคุ้มกันภัยในวันที่อ่อนแอพ่ายแพ้
และมีพลังที่พระองค์ทรงหนุนนำลุกขึ้นสู้ในวันอ่อนแรง
“จงระวัง จงตื่นเฝ้าเถิด เพราะท่านทั้งหลายไม่รู้ว่าวันเวลานั้นจะมาถึงเมื่อไร”
(มาระโก 13:33)
......................... |