“เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า

ท่านทำสิ่งใดต่อพี่น้องผู้ต่ำต้อยที่สุดของเราคนหนึ่ง

ท่านก็ทำสิ่งนั้นต่อเรา”

(มัทธิว 25:40)

กิจการ  ดีใด  ที่ท่านทำ                    แก่พี่น้อง  ผู้ต้อยต่ำ   นำคุณค่า

ดุจท่านทำ  แก่พระคริสต์  จอมราชา         มีสองมือ  คอยเยียวยา   รักษาใจ

    เมื่อเราหิว  ท่านก็  ให้อาหาร           เป็นท่อธาร  หว่านหวัง   พลังให้

เรากระหาย  ท่านยื่นน้ำ หล่อเลี้ยงใจ         เราเจ็บป่วย  ท่านได้  มาเยี่ยมเยือน

พระคริสต์ทรง  ชี้สอน  วอนสั่งว่า                        จงรู้รัก  เมตตา   น้องพี่เพื่อน

รู้รับใช้  รู้หยิบยื่น   ไม่ลืมเลือน       คำพระเตือน  อย่าเคลื่อนคล้อย  ให้ลอยลม

เพราะสังคม วัฒนธรรมของมนุษย์

ถูกวางแบบแผนเอาไว้ให้มีระบบของการแบ่งชนชั้นวรรณะ

แม้จะมีการเรียกร้อง หรือยกเลิกระบบทาสไปนานแสนนานแล้วก็ตาม

แต่ในกระบวนการของภาคปฏิบัติ เราก็ยังรู้อยู่แก่ใจว่า

เรายังมีความเลื่อมล้ำทางชนชั้นวรรณะอยู่ในทุกสังคม

และยังมีการเหยียดไม่ว่าจะด้วยการกระทำ หรือแค่เพียงสายตา

ความรู้สึกที่แสดงออกทั้งแบบเปิดเผยหรือปิดบังก็ตาม

เมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมามีการกล่าวถึงศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์

ในหัวข้อการอบรมการปกป้องคุ้มครองเด็ก

แม้ว่าเราคริสตชนจะทราบกันดีอยู่แล้วว่า  พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์มา

และมนุษย์ทุกคนมีคุณค่าและศักดิ์ศรีที่เท่าเทียมกัน ที่ผู้อื่นจะละเมิดไม่ได้

และเราเองก็ไปละเมิดคุณค่าศักดิ์ศรีของผู้อื่นไม่ได้เช่นกัน

มีบทความหนึ่งจากสำนักนายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับหลักสิทธิมนุษยชน

ได้ให้ความหมายของคำว่า “ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ (Human Dignity) ว่า

หมายถึง  คุณสมบัติ  จิตใจ สิทธิเฉพาะตัวที่พึงสงวนของมนุษย์ทุกคน

 และรักษาไว้มิให้บุคคลอื่นมาล่วงละเมิดได้

การถูกละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์จึงเป็นสิ่งที่ต้องได้รับการคุ้มครอง

และได้รับความยุติธรรมจากรัฐ”

แต่ในศาสนาคริสต์นอกจากความหมายของศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์สำหรับทางโลกแล้ว

ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ยังหมายถึง ศักดิ์ศรีของการเป็นบุตรของพระเจ้า

เป็นพระฉายาลักษณ์ของพระองค์

นั่นหมายความว่า เราทุกคนเป็นลูกของพระเจ้าเท่าเทียมกัน

ไม่ว่าจะมียศถาบรรดาศักดิ์สูงส่ง หรือจะต่ำต้อยเพียงใด

ทุกคนล้วนมีเกียรติและศักดิ์ศรีเท่าเทียมกัน

เราจึงต้องปฏิบัติต่อทุกคน ทุกชนชั้น ทุกเชื้อชาติ ศาสนา

ด้วยความเคารพและให้เกียรติกันและกัน

เหมือนที่พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์มาด้วยความรัก

ให้อิสรเสรีภาพ ให้เกียรติ  ให้คุณค่าและศักดิ์ศรีของมนุษย์สูงส่งกว่าสรรพสิ่งสร้างทั้งปวง

ข้าพเจ้าเองก็ถือว่าเป็นผู้ต่ำต้อยคนหนึ่งในสังคมมนุษย์

เป็นครูตัวเล็กๆคนหนึ่งที่เคยผ่านการถูกดูถูก  ประณาม เหยียดหยาม เปรียบเทียบ

ในความอ่อนแอมาตั้งแต่เล็กจนโต

แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้ข้าพเจ้าสามารถดำรงชีวิต ลุกขึ้นมาหยัดยืนได้ต่อไป

ก็เพราะมืออบอุ่นซึ่งเป็นเหมือนตัวแทนของพระคริสต์จากคนรอบข้าง

คอยเรียกคุณค่าและศักดิ์ศรีของข้าพเจ้าให้กลับมา

ให้ข้าพเจ้าเรียนรู้ที่จะปิดหู ปิดใจ ปิดตาจากผู้ที่กำลังลดคุณค่าและศักดิ์ศรีของเรา

และเปิดหู เปิดใจ และเปิดตาของข้าพเจ้า ให้มองเห็นคุณค่าและพระพรในตนเอง

ที่มีแตกต่างจากบุคคลอื่น ทั้งยังเป็นพระพรที่ข้าพเจ้าสามารถแสดงออกได้

ด้วยความเป็นตัวตนของตนเองอย่างชัดเจน

ดังนั้นแล้ว  สิ่งหนึ่งที่ข้าพเจ้าอยากจะกระทำคือ

การสร้างคุณค่าและศักดิ์ศรีให้ผู้อื่นที่กำลังถูกทำลายคุณค่าศักดิ์ศรีนั้นลง

เหมือนกับที่ข้าพเจ้าเคยถูกฉุดให้หลุดพ้นจากโคลนตมที่ถูกผลักลงไป

เหมือนที่พระเจ้าทรงรักและเมตตาข้าพเจ้า

ส่งพี่น้องในพระคริสตเจ้าเข้ามาหล่อเลี้ยงจิตวิญญาณของข้าพเจ้า

ให้เห็นถึงคุณค่าและศักดิ์ศรีของตนเอง

จนหยัดยืนเป็นข้าพเจ้ามาถึงทุกวันนี้

“องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส เราจะตามหาแกะที่สูญหายไป

เราจะนำแกะที่หลงทางกลับมา

เราจะพันแผลของแกะที่บาดเจ็บ  เราจะเสริมกำลังแกะที่อ่อนเพลีย

เราจะดูแลแกะที่อ้วนและแข็งแรง เราจะเลี้ยงเขาอย่างยุติธรรม”

(เอเสเคียล 34:16)

.........................