“ท่านทั้งหลายย่อมเป็นสุข เมื่อถูกดูหมิ่นข่มเหง

และใส่ร้ายต่างๆนานาเพราะเรา”

(มัทธิว 5:11)

มนุษย์ทุกคนล้วนแสวงหาความสุขบนโลกนี้ทั้งสิ้น

เป็นการยากมากที่จะมีผู้ที่ปรารถนาจะสัมผัสความทุกข์ยากในชีวิต

และก็เป็นไปไม่ได้เลยที่ในชีวิตของมนุษย์จะไม่พบความทุกข์ยากลำบากเหล่านั้น

ความสุขแท้ 8 ประการที่พระเยซูเจ้าทรงเทศน์สอนใจ เตือนใจเรา

จึงเป็นความสุขที่แท้จริงที่เกิดจากการยอมรับได้ในความทุกข์ยากนั้นๆ

ตลอดการดำเนินชีวิตบนโลกใบนี้

-                     ความสุขอันเกิดจากใจที่ยากจน  คือ ไม่ยินดีกับสมบัติภายนอก แต่เพียรสะสมทรัพย์สมบัติฝ่ายวิญญาณ

-                     ความสุขอันเกิดจากความทุกข์เศร้าโศก คือ ความกล้าหาญจากการยอมเผชิญความทุกข์ยากด้วยความเข้าใจในสัจธรรมชีวิต

-                     ความสุขอันเกิดจากดวงใจที่อ่อนโยน คือ ดวงใจที่สุภาพอ่อนน้อม จะนำมาซึ่งความเป็นที่รัก และเป็นแบบอย่างสำหรับคนรอบข้าง

-                     ความสุขอันเกิดจากความกระหายหาความชอบธรรม คือ ความมั่นคงในการดำเนินชีวิตตามพระวาจาของพระเจ้าเพื่อนำตนสู่ความชอบธรรม

-                     ความสุขอันเกิดจากใจเมตตา คือ การรู้ถึง เข้าถึง ใจเขาใจเรา
สัมผัสถึงความทุกข์ยากของผู้อื่น และปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยความเมตตา

-                     ความสุขอันเกิดจากใจบริสุทธิ์ คือ การมีดวงใจที่บริสุทธิ์ปราศจากบาป
เช่นดวงใจของพระเจ้า มีจิตที่คิดดี  พูดดี และทำสิ่งดี

-                     ความสุขอันเกิดจากการสร้างสันติ คือ การอยู่ร่วมกับผู้อื่นอย่างสงบสุข  เป็นผู้สร้างความสมานฉันท์ให้กับคนรอบข้าง

-                     ความสุขอันเกิดจากการถูกข่มเหงเบียดเบียนเพราะความชอบธรรม คือ การแสดงจุดยืนของตนเองในการเป็นผู้ชอบธรรมแม้ถูกดูหมิ่นเหยียดหยาม

******

ความทุกข์ยากไม่เคยสูญสิ้นไปจากทุกชีวิตของมนุษย์บนโลกใบนี้

แต่มนุษย์สามารถอยู่ร่วมกับความทุกข์ยากในชีวิตได้ด้วยความเข้าใจ

ซึ่งจะก่อให้เกิดความสุขแท้ในชีวิต

นั่นคือสิ่งที่ข้าพเจ้ากำลังฝึกฝนตนเองทั้งสิ้น

ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะอยู่ร่วมกับความทุกข์ยากด้วยความสุข

เพราะไม่เคยมีความทุกข์ใดที่ทำให้เรารู้สึกสุขได้เลย

แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้ข้าพเจ้ายังมีความเพียรที่จะเรียนรู้และอยู่กับความทุกข์ยากได้คือ

ความผิดบาปของตนเองที่เกิดจากความปรารถนาในความสุขจอมปลอมนั่นเอง

ร่องรอยของความผิดบาปที่เรารู้ตัวเราเองจะเป็นสิ่งเตือนใจได้ดี

ว่าความสุขที่แท้จริงนั้น

ไม่ใช่ความสุขที่ข้าพเจ้าเลือกเองตามใจตน หรือตามภาษาโลกใบนี้

เพราะสุดท้ายมันจะนำมาซึ่งความทุกข์ถาวร ไม่ใช่สุขเที่ยงแท้

“ทุกคนที่มีความหวังในพระองค์ ย่อมชำระใจของตนให้บริสุทธิ์

เช่นเดียวกับที่พระองค์ทรงบริสุทธิ์”

(1 ยอห์น 3:3)

ข้าพเจ้าคิดถึงโฆษณาผงซักฟอกหลายยี่ห้อที่พยายามบอกสรรพคุณการสลายคราบต่างๆ

ที่ติดบนเสื้อผ้าให้สลายออกไปโดยง่ายดาย

แต่คราบเปื้อนบางคราบกลับไม่สามารถสลายได้ด้วยผงซักฟอกดังกล่าว

จึงมีคลิปต่างๆนานาที่นำเสนอวิธีการสลายคราบเปื้อนแต่ละประเภท

เช่น รอยคราบหมึก ให้ใช้เกลือป่นโรยรอยเปื้อน บีบมะนาวใส่ให้ชุ่ม

ผึ่งแดดครึ่งวันแล้วนำไปซัก เป็นต้น

คราบสกปรกบางคราบต้องใช้เวลาในการชำระล้างคราบนั้นให้หายไป

มันทำให้ข้าพเจ้าคิดถึงวิญญาณของตนเอง

ที่ไม่รู้ว่าแปดเปื้อนด้วยคราบสกปรกจากบาปแน่นหนาเพียงใด

ใช้เวลานานเท่าใดเพื่อจะชำระล้างคราบสกปรกจากรอยบาปเหล่านั้นได้

อีกนานเพียงใดวิญญาณจึงจะกลับมาขาวสะอาดดังเดิม

แต่...ถ้าไม่เริ่มพยายามที่จะลงมือชำระล้างคราบสกปรกเหล่านั้น

นานวันเข้าก็จะเป็นคราบฝังแน่นที่ยากต่อการชำระล้างให้สะอาดได้

ข้าพเจ้าจึงเพียรฝึกฝนตนเองในแต่ละวัน กับกิจการเล็กๆน้อย

ที่เป็นภารกิจของตนในชีวิตประจำวัน

ให้เป็นกิจการที่เป็นพระพรเพื่อสร้างสุขต่อผู้อื่น และคนรอบข้าง

ตามความสามารถของตนอย่างดีที่สุด

อย่างน้อยข้าพเจ้าก็ไม่ควรสร้างรอยแปดเปื้อนให้กับวิญญาณของตนมากไปกว่านี้

แม้ว่าหลายครั้ง ความเพียรพยายามดูเหมือนจะไร้ผล

ดูเหมือนจะมีอุปสรรคขวากหนาม

และดูเหมือนจะมารซาตานจะนำความสุขจอมปลอมมาหลอกล่อ

อยู่ตลอดเส้นทางเดินบนโลกใบนี้ก็ตาม

ข้าพเจ้าก็มีความหวังในตนเองเสมอที่จะคืนกลับมาให้พระเจ้าชำระจิตวิญญาณของตน

ให้กลับมาสะอาดบริสุทธิ์ได้ดังเดิม แม้จะไม่ได้ขาวสะอาดบริสุทธิ์เช่นพระองค์ก็ตาม

เขาจึงบอกข้าพเจ้าว่า “คนเหล่านี้คือผู้ที่มาจากการเบียดเบียนครั้งใหญ่

เขาซักเสื้อของเขาจนขาวในพระโลหิตของลูกแกะ”

(วิวรณ์ 7:14)

.........................