“มีแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงยืนอยู่เคียงข้าง
และประทานกำลังแก่ข้าพเจ้า
เพื่อการประกาศข่าวดีจะได้สำเร็จไปโดยทางข้าพเจ้า”
(2 ทิโมธี 4: 17)
บนเส้นทาง ย่างก้าว เล่าชีวิต
ใครลิขิต ผิดถูก ที่ปลูกปั้น
ใครกำหนด บทบาท คาดหวังกัน
ใครขีดกั้น มั่นมาด วาดตัวตน
ล้วนเป็นเรา เล่าความ ตามชีวิต
จะถูกผิด คิดอ่าน การฝึกฝน
จะดีชั่ว มัวเมา เล่าตัวตน
ก็ไม่พ้น ตนกำหนด บทบาทเอง
………………………..
ข้าพเจ้ารู้สึกแปลกใจกับแผนการของพระเจ้าเสมอมา
เมื่อสมัยที่ข้าพเจ้าเรียนอยู่ในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย
ข้าพเจ้าถูกจัดอยู่ในกลุ่มประเภทของเด็กเรียบร้อย นุ่มนิ่ม เชื่องช้า
ดูตั้งใจเรียนเพราะนั่งโต๊ะหน้าห้องเสมอ (แม้จะเรียนไม่ได้ดีสักเท่าไหร่ก็เถอะ)
ดังนั้น จึงมีกลุ่มเพื่อนที่ปราดเปรียวว่องไว กล้าแสดงออก และไม่กลัวใคร
อาจจะรู้สึกรำคาญ ไม่พึงใจกับกลุ่มข้าพเจ้าสักเท่าไหร่นัก
เพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มนั้น มักหาช่องทางรังแกข้าพเจ้า
เหตุเพียงเพราะอาจารย์ท่านหนึ่งมักเรียกข้าพเจ้าเข้าไปสวดภาวนาด้วย
(ท่านเป็นคริสเตียน) บางทีท่านก็เรียกข้าพเจ้าเข้าไปพูดคุย
สนทนากันเรื่องของพระเจ้า และความรักของพระเจ้า
ท่านอยากให้ข้าพเจ้ามีความมั่นใจในตนเอง และเชื่อมั่นในอำนาจของพระเจ้า
ดังนั้น เพื่อนคนหนึ่งคนนั้นซึ่งก็คงจะรู้สึกไม่พอใจ
เพราะข้าพเจ้าก็พอทราบมาว่า แท้จริงแล้วเขาเองก็ต้องการความอบอุ่น
ต้องการความรัก จากอาจารย์ท่านนี้เช่นกัน
จึงไม่แปลกที่เขาจะคอยหาช่องทางทำร้ายข้าพเจ้าหลายต่อหลายครั้ง
เพื่อไม่ให้ข้าพเจ้าเข้าไปวุ่นวายกับอาจารย์ท่านนี้บ่อยนัก
ครั้งหนึ่ง ข้าพเจ้านำการ์ดอวยพรวันเกิด พร้อมดอกไม้ไปวางไว้บนโต๊ะอาจารย์
เพียงแค่ข้าพเจ้าหันหลังกลับไป ดอกไม้และการ์ดนั้นกลับลงไปอยู่ในถังขยะเสียแล้ว
ข้าพเจ้าทำได้แค่เพียงเสียใจ ร้องไห้
ตลอดระยะเวลา 2 ปีกว่าๆ ที่ข้าพเจ้าไม่เคยตอบโต้เพื่อนคนนี้กลับเลย
มีแต่คำขอโทษที่อาจจะทำอะไรให้ไม่พอใจ หรือทำให้รู้สึกขัดหู ขัดตา ขัดใจไปบ้าง
ในทุกๆวันข้าพเจ้าจะพยายามส่งรอยยิ้มให้แม้จะไม่เคยได้รับรอยยิ้มกลับมาเลย
วันก่อนสุดท้ายก่อนจบการศึกษา ณ สถานศึกษาแห่งนี้
ซึ่งเป็นวันอำลาเพื่อนๆในห้องเรียน
สิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อเพื่อนคนนี้นำดอกกุหลาบสีแดงมาวางบนโต๊ะข้าพเจ้า
และบอกว่า “ขอโทษนะที่ผ่านมา เธอมันน่าแกล้ง หัดลุกขึ้นมาสู้ซะบ้างนะ”
บุคลิกห้าวๆ ไม่กลัวใครของเธอ ทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกกลัว และระแวงอยู่เหมือนกัน
แต่ ข้าพเจ้าก็สัมผัสได้ว่า เธอไม่ได้เกลียดข้าพเจ้าแล้ว
ข้าพเจ้าจึงคิดว่ามันคุ้มค่ากับสิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆ
ข้าพเจ้ายังคงรู้สึกเป็นที่รักของอาจารย์ท่านนั้นเช่นเดิม
แต่เพิ่มเติมคือข้าพเจ้าได้มิตรภาพ
จากเพื่อนคนหนึ่งที่เคยเห็นข้าพเจ้าเป็นศัตรูผู้น่ารำคาญกลับมาอีกด้วย
ยังมีเหตุการณ์อีกมากมายในชีวิตของข้าพเจ้าที่นับได้ว่า
เป็นเพราะพระเมตตาและความรักของพระเจ้าที่ทรงปกปักษ์รักษาคุ้มครองข้าพเจ้า
ข้ามเลยมาถึงวัยทำงาน ไม่มีใครที่มีแต่คนรักโดยปราศจากคนเกลียด
เหมือนสุภาษิตที่ว่า “คนรักเท่าผืนหนัง คนชังเท่าผืนเสื่อ”
มีคนรักมาก เอื้อเอ็นดูมาก ก็จะมีคนอิจฉาคู่กันมา
มีคนพร้อมเชิดชูยกย่องเรา ก็จะมีคนพร้อมคอยบั่นทอดลิดรอนเราด้วยเช่นกัน
แต่ตราบใดที่เรายังยึดมั่นในความดีงาม
เราจะมีพระเจ้าคอยปกป้องคุ้มกัน และยืนเคียงข้าง
โดยเฉพาะในวันที่พายุโหมกระหน่ำซ้ำเติมทำร้ายเรา
ข้าพเจ้าเชื่อว่า ทุกครั้งที่ข้าพเจ้าฝ่าพายุที่ถาโถมเข้ามาได้สำเร็จ
ข้าพเจ้าจะมีพลังที่เข้มแข็งมากยิ่งขึ้น
และทุกความเข้มแข็งจะทำให้ข้าพเจ้าสามารถพิสูจน์ตนเองให้คนรอบข้างเห็นว่า
แม้ข้าพเจ้าจะดูอ่อนแอ ขี้แพ้ แต่ข้าพเจ้าก็มีความสามารถพิเศษในแบบที่บางคนก็ไม่มี
และทุกสิ่งที่ข้าพเจ้ามี ก็เพราะข้าพเจ้ามีพระเจ้าเป็นพลังนำทางชีวิตแท้จริง
ข้าพเจ้าทำทุกสิ่งได้สำเร็จในพระเจ้าผู้ทรงเป็นพละกำลังของข้าพเจ้า
และข้าพเจ้าก็ไม่เคยยอมแพ้กับความยากลำบากใดๆ
หรือคำดูแคลน บั่นทอนใดๆของใคร
เพราะอุปสรรคเหล่านั้น กลับทำให้ข้าพเจ้าดูมีคุณค่าต่อพระเมตตาของพระเจ้ามากขึ้น
ดังนั้น ข้าพเจ้าจึงสัมผัสได้ว่า แม้จะมีเสียงบั่นทอนจิตใจในแต่ละวันดังแว่วมาเสมอ
แต่เสียงแห่งคำปลอบประโลมกลับดังกว่าหลายร้อยเท่านัก
“จงจับตาดูพระองค์ แล้วใบหน้าจองท่านจะสดใส
ไม่มีวันจะต้องอับอายเลย”
(สดุดี 34:5)
©หน้าตาผ่องใสเมื่อใจมอบให้พระองค์©
©คิดดี คิดบวก ผนวกจิตเมตตา นำพากายใจ สดใสไร้มลทิน©
ข้าพเจ้าเคยเข้าเยี่ยมเยียนซิสเตอร์ชีลับที่บำเพ็ญตนภาวนาด้วยชีวิต
ไม่ข้องเกี่ยวกับกิจการฝ่ายโลก
แม้บางท่านจะมีอายุมากแล้วก็ตาม แต่ใบหน้าของทุกท่านล้วนมีแต่ความผ่องใส
สวยงามราวนางฟ้าที่มีแสงจากฟากฟ้าทอประกายลงมาบนใบหน้า
รังสีแห่งความรัก พระพรและความอบอุ่นแผ่มาถึงข้าพเจ้าที่อยู่นอกรั้วกั้นนั้น
สวยงามจากภายใน สวยงามโดยไม่ต้องแต่งเติมสิ่งใดลงไปเลยจริงๆ
จะมีสักกี่คนในสังคมที่วุ่นวาย ที่จะครองตนให้มีจิตคิดดี คิดบวก มีธรรมะในใจ
มีแบบอย่างพระเยซูเจ้าในทุกกิจการบ้างนะ
ข้าพเจ้าเองก็เช่นกัน ยังคงต้องขอพลังในการคิดดี คิดบวก จากพระเจ้า
ท่ามกลางกระแสพลังคิดลบที่คอยถาโถมเข้ามาสม่ำเสมอในสังคมมนุษย์
เพื่อสักวันหนึ่งข้าพเจ้าจะได้รับชัยชนะนั้นอย่างเต็มภาคภูมิ
มีใบหน้าที่ผ่องใส อันเกิดจากความงดงามจากภายในกับเขาบ้าง
..................................... |