“จงชื่นชมเถิด จงปรับปรุงตนให้ดีพร้อม จงให้กำลังใจกัน
จงเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน จงดำเนินชีวิตอย่างสันติ
แล้วพระเจ้าแห่งความรักและสันติจะสถิตกับท่าน”
(2 โครินธ์ 13:11)
มีคติประจำใจที่หลายๆคนชอบนำมาใช้เป็นคติประจำตัวประโยคหนึ่ง
ความว่า “ทำวันนี้ให้ดีที่สุด”
คิดผิวเผินมันก็น่าจะไม่ยาก ก็แค่ทำวันนี้ให้ดีที่สุดก็พอ
แต่เอาเข้าจริงๆ บางทีในแต่ละวันเราก็ทดท้อห่อเหี่ยวเกินจะไปพิถีพิถัน
เพื่อที่จะทำวันนี้ให้มันดีที่สุด
นั่นคือ บางที ในบางวันเราก็จะใช้ชีวิตแบบให้มันผ่านๆไปเถอะ
และบางทีในบางวันเราก็ต้องพบเจอกับบุคคลที่ทำให้วันนี้ไม่ใช่วันที่ทำดีที่สุด
แต่อย่างไรก็ตาม แม้ว่าวันนี้อาจจะไม่ได้เป็นวันที่ดีที่สุด
แต่ตราบเมื่อเราพยายามทำมันให้ดีที่สุดเราก็จะมีวันที่ผิดพลาดน้อยลง
เพราะวันนี้ที่ดีพอก็จะเป็นรากฐานที่สวยงามให้กับวันข้างหน้าเช่นกัน
เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา
เพื่อนหญิงของลูกชายที่ป่วยเป็นโรคซึมเศร้า
แอบทำร้ายร่างกายตัวเองด้วยการใช้ใบมีดโกนกรีดข้อมือตัวเอง
เสียงเอะอะโวยวายของลูกชายด้วยความตกใจ
ทำให้ข้าพเจ้าต้องเดินไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น
เมื่อข้าพเจ้าเห็นข้อมือที่เป็นรอยริ้วเล็กๆบางๆหลายรอยบริเวณข้อมือ
ข้าพเจ้านิ่ง และเดินออกมาจากเหตุการณ์ตรงนั้น
ข้าพเจ้าไม่สามารถอธิบายความรู้สึกที่มันก้ำกึ่งระหว่างความผิดหวัง
ความโกรธ ความไม่เข้าใจ หรือความวุ่นวายในใจ ได้เลย
เพราะเหตุการณ์นี้มันเคยเกิดขึ้นแล้ว และเราก็พูดคุยตกลงกันไปแล้ว
จวบจนลูกชายพาเธอไปสงบสติอารมณ์
แล้วเดินกลับมาหาข้าพเจ้า กล่าวขอโทษในสิ่งที่ทำลงไป
แม้ในใจข้าพเจ้าจะยังรู้สึกคับข้องใจอยู่
แต่ข้าพเจ้าก็ไม่อาจจะทอดทิ้งชีวิตหนึ่งชีวิตที่อยู่ต่อหน้าข้าพเจ้าไปได้เลย
เธอกางแขนขอกอดข้าพเจ้า เธอกล่าวขอโทษข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าจึงกอดเธอ และพูดเตือนสติเธออีกครั้ง
แม้จะเป็นอีกครั้งหรือไม่รู้อีกกี่ครั้งก็ตาม
ข้าพเจ้าก็ยังไม่สามารถล่วงรู้ได้ว่าข้าพเจ้าจะรับมือกับเหตุการณ์เช่นนี้
ได้นานสักเท่าใด
แต่ข้าพเจ้ามั่นใจว่าทุกเหตุการณ์ล้วนเป็นของพระประทานที่มีคุณค่าทั้งสิ้น
ไม่กับข้าพเจ้าก็กับใครสักคนหนึ่งที่ต้องผ่านประสบการณ์นี้ไปให้ได้
และไม่มีอะไรที่พระเจ้าทรงกระทำไม่ได้เลยจริงๆ
ข้าพเจ้ากล่าวเตือนเธออีกครั้ง
ด้วยเธอกำลังต้องการพระเจ้าเป็นที่พึ่งพิงในชีวิต
ซึ่งนี่ก็อาจจะเป็นสิ่งดีที่พระเจ้าอาจจะกระทำภารกิจของพระองค์
ผ่านเหตุการณ์เหล่านี้ก็เป็นได้
ข้าพเจ้าย้ำเตือนใจเธอให้รับรู้ว่า
“ชีวิตเป็นพระพรของพระเจ้า
เป็นของขวัญสุดพิเศษของพระเจ้า
ลูกจะทำร้ายตัวเองแบบนี้ไม่ได้เลย
ลูกเคยบอกว่ารักพ่อแม่มาก รักคนที่รักลูกทุกคนมาก
แต่ลูกไม่ได้รักเขาจริง เพราะลูกจะรักใครไม่ได้เลย
ถ้าลูกยังรักตัวเองไม่เป็น
ในยามที่ลูกเครียดกับเหตุการณ์บางเหตุการณ์ในชีวิต
มันก็คือเหตุการณ์ที่ผ่านเข้ามาเพื่อสร้างประสบการณ์ให้เรา
ลูกอาจจะผิดหวัง ทุกข์ใจ เสียใจ กับบางเหตุการณ์ในชีวิต
ลูกก็สามารถแสดงออกทางอารมณ์ด้านใดด้านหนึ่งเพื่อระบายมันออกมาได้
มันเป็นการตอบสนองที่เป็นเรื่องปกติในชีวิตมนุษย์ของเราที่ทุกคนต้องเผชิญ
และก้าวข้ามผ่านมันไปให้ได้
การก้าวข้ามผ่านปัญหาอย่างผู้ไม่ยอมแพ้ไม่ใช่การทำร้ายตัวเองเช่นนี้
เพราะชีวิตไม่ใช่ของลูก แต่ชีวิตเป็นพระพร เป็นของขวัญที่มีค่าจากพระเจ้า”
ชีวิตบางทีมันก็ยากเกินจะเข้าใจว่าทำอย่างไรเราจึงจะก้าวข้ามผ่านมันไปได้
บางทีเราก็ไม่เข้าใจว่าทำอย่างไรที่เรียกว่าดีที่สุด
แต่ข้าพเจ้าก็ยังรู้สึกมั่นใจว่าทุกเหตุการณ์จะผ่านไปด้วยดี
และไม่มีอะไรที่พระเจ้าทรงกระทำไม่ได้สำหรับผู้ที่เชื่อและรักพระองค์
อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์นี้ทำให้ข้าพเจ้าสัมผัสได้ชัดเจนขึ้นว่า
ข้อความในพระคัมภีร์เป็นวิตามินบำรุงชีวิตและวิญญาณของมนุษย์จริงๆ
คนป่วยต้องการหมอ และคนบาปก็ต้องการพระเจ้า
คนมีความสุขก็อบอวลอยู่ในกลิ่นอายความสุขของตน
จนอาจจะไม่ได้คิดถึงพระเจ้าเลย
แต่คนที่มีความทุกข์ยากในชีวิต
พระเจ้าคือที่พึ่งพิงที่สัมผัสได้ชัดเจนด้วยใจแห่งความเชื่อ
พระวาจาทุกประโยคก้องออกมาจากพระคัมภีร์นั้น
ถูกคัดสรรให้ตรงตามความเจ็บป่วยทางใจของแต่ละบุคคล
และในแต่ละเหตุการณ์
สิ่งเดียวที่มนุษย์ควรกระทำคือ ดำเนินชีวิตอย่างดีที่สุด
รักพระเจ้า รักตนเอง รักผู้อื่น รักให้ถูกต้องด้วยความรักที่แท้จริง
ข้าพเจ้าขอบพระคุณพระเจ้าที่มอบเหตุการณ์แม้จะยากเกินเข้าใจ
แต่ก็ไม่ยากเกินจะเรียนรู้หรือผ่านมันไปได้อย่างมีคุณค่า
เพราะทุกความเพียรทน ทุกความมั่นคงในความดีงาม
เราจะรับรู้ได้ว่า
“...พระเจ้าแห่งความรักและสันติจะสถิตกับเรา”
(2 โครินธ์ 13:11)
อาจจะเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า
อาจจะเสียน้ำตาไปบ้าง
อาจจะหกล้มบนหนทาง
แต่ไม่เคยร้างความวางใจ
เพราะรู้ปลายทางคือรางวัล
คือสวรรค์ที่สว่างสุกใส
คือความจริงเที่ยงแท้ราชัย
คือจุดหมายที่ยิ่งใหญ่ของเรา
..................................... |