“สันติสุขจงสถิตกับท่านทั้งหลายเถิด
พระบิดาทรงส่งเรามาฉันใด
เราก็ส่งท่านทั้งหลายไปฉันนั้น”
(ยอห์น 20:21)
เมื่อครั้งที่ข้าพเจ้าได้รับโอกาสจากหน่วยงานให้ศึกษาต่อในระดับปริญญาโท
ผู้บริหารให้ข้าพเจ้าตัดสินใจเลือกสาขาวิขาที่ต้องการเรียน
พี่ท่านหนึ่งที่ข้าพเจ้าเคารพรักมากได้เสนอแนะให้ข้าพเจ้าเรียนทางด้านจิตวิทยา
หรือด้านการศึกษาพิเศษ แม้ในใจลึกๆข้าพเจ้าก็ปรารถนาเช่นนั้น
แต่ข้าพเจ้ารู้สึกว่า
ตัวเองเป็นคนที่ไม่ชอบการจดจำ โดยเฉพาะชื่อของบรรดานักจิตวิทยา
และกระบวนการทางทฤษฎีของเขา
ข้าพเจ้าจึงตัดสินใจเลือกที่จะเรียนทางด้านเทคโนโลยีการศึกษา
ซึ่งก็ยังพอจะมีวิชาปรัชญาและจิตวิทยาเข้ามาเสริม 1 วิชาเรียนด้วย
จริงแล้วข้าพเจ้าเองก็ชื่นชอบการศึกษาพัฒนาการและพฤติกรรมมนุษย์
เหตุเพราะว่า ข้าพเจ้ามักจะสงสัยอยู่เสมอ
เมื่อได้สัมผัสกับพฤติกรรมมนุษย์ที่มีพฤติกรรมแตกต่างจากพฤติกรรมปกติทั่วไป
เช่น เมื่อดูคลิปข่าวคุณยายที่สังคมให้ฉายาว่ามนุษย์ป้า
ทำไมเขาจึงมีพฤติกรรมเช่นนั้น แล้วบุคคลที่ประณามท่านต่างๆนาๆ
ก็ยังมีพฤติกรรมที่น่าค้นหาอีกเช่นกัน
หรือพฤติกรรมของเด็กวัยรุ่นที่แสดงออกถึงความก้าวร้าว เกเร
หรือพยายามสร้างจุดเด่นในทางลบ
รวมไปถึงปัญหาด้านสุขภาพจิตของพวกเขาด้วย
พฤติกรรมหรือปัญหาเหล่านั้นเป็นสิ่งที่ข้าพเจ้าสงสัยและใคร่จะเรียนรู้อยู่ลึกๆ
น่าแปลก...เมื่อข้าพเจ้าปฏิเสธที่จะเรียนรู้ในด้านนี้
ด้วยเหตุผลที่อาจจะดูไม่เข้าท่าเสียเท่าไหร่
กลับมีเคสต่างๆ แวะเวียนเข้ามาให้ข้าพเจ้าได้ศึกษาเรียนรู้ไม่ขาดสาย
ข้าพเจ้าเล่าถึงเคสต่างๆที่เข้ามาในชีวิตให้พี่ที่เคารพรักท่านนั้นฟัง
พี่ท่านนั้นกระแซะแซวข้าพเจ้าว่า “เห็นไหม พี่บอกแล้วว่าน้องเหมาะแก่การเรียน
ทางด้านนี้จริงๆ น้องเหมาะกับการอภิบาลจิตใจคน พอน้องปฏิเสธ พระก็เลยทำโทษ
ให้ศึกษาจากประสบการณ์ตรงไปเลยเห็นไหม!”
ข้าพเจ้าทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในระยะหลังๆมานี้
ทั้งหลานสาวที่เป็นเด็กพิเศษของข้าพเจ้า
ก็มีพัฒนาการต่างๆที่ทำให้ข้าพเจ้าได้ฉงนสงสัยอยู่ตลอดเวลา
และยังมีนักเรียนที่ป่วยเป็นโรคซึมเศร้าที่พระสงฆ์ท่านหนึ่งฝากให้ข้าพเจ้าดูแล
เยียวยา บรรเทาใจ และฟังใจของเธอด้วย
ซึ่งในตอนนั้น โรคซึมเศร้าเพิ่งจะมีอิทธิพลเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะวัยรุ่นในสังคมเมือง
ข้าพเจ้ามีแต่ความว่างเปล่าเขลาปัญญาในการที่จะเยียวยาผู้ป่วยโรคนี้เลยจริงๆ
และสำคัญยิ่ง ข้าพเจ้าก็ยังรู้สึกว่ามันค่อนข้างไกลตัวข้าพเจ้ามากเกินไป
ข้าพเจ้าจึงไม่สามารถที่จะเยียวยาหรือฟังใจผู้ป่วยโรคนี้ได้เลยในนาทีนั้น
จวบจนลูกชายของข้าพเจ้าบอกกับข้าพเจ้าว่า
เพื่อนสาวของลูกเพิ่งจะป่วยเป็นโรคนี้เช่นกัน
ณ เวลานั้นแหละที่ข้าพเจ้าเข้าใจแล้วว่า มันไม่ไกลตัวเลย
นี่อาจจะเป็นบทเรียนจากประสบการณ์ตรงที่พระส่งมาให้ข้าพเจ้าได้ศึกษาเรียนรู้
ข้าพเจ้าได้เรียนรู้ถึงพฤติกรรม อารมณ์ การตอบสนอง และปัญหาในใจ
ของผู้ป่วยโรคนี้จากเพื่อนสาวของลูกชาย
ข้าพเจ้าต้องใช้ใจฟังใจ ใช้สตินำทางในทุกคำพูดและการกระทำ
หลายครั้งที่เมื่อข้าพเจ้าฟังใจแล้ว ข้าพเจ้ารู้สึกเหนื่อยล้าในใจตัวเองมาก
เหมือนพลังชีวิตถูกใช้ไปกับการพยายามฟังปัญหาและเข้าใจเขา
ถ่ายทอดและให้เหตุผล ให้ทางเลือกทางบวกแก่เขา
การเรียกสติของผู้ป่วยโรคนี้ให้กลับมาในวันที่มันเตลิดเปิดเปิงไปมันเหนื่อยจริงๆ
จนปัจจุบันนี้ข้าพเจ้าเองก็ไม่รู้ว่ามันจะสิ้นสุดลงตรงที่ไหน หรือจะเป็นอย่างไรต่อไป
แต่ทุกครั้งที่ข้าพเจ้าสัมผัสถึงพลังงานทางบวกที่มีเพิ่มขึ้นในผู้ป่วย
ทุกครั้งที่ข้าพเจ้าเห็นเธอพยายามสร้างสมดุลให้กับเคมีในสมองด้วยการเชื่อฟังหมอ
และรับประทานยาตามเวลาที่กำหนด
ค่อยๆลดขนาดของยาลงเรื่อยๆ แค่นี้ข้าพเจ้าก็รู้สึกมีพลังขึ้นมาบ้างแล้ว
แผนการของพระยากเกินที่ข้าพเจ้าจะเข้าใจ
แต่ข้าพเจ้าก็มั่นใจว่า ทุกเหตุการณ์พระองค์ทรงนำทางข้าพเจ้าไม่เคยห่างไกลเลย
เหตุการณ์ต่างๆในชีวิตข้าพเจ้า คอยกล่อมเกลาให้ข้าพเจ้าตระหนักแน่นรู้
ถึงความยิ่งใหญ่ในอำนาจของพระเจ้าที่ทรงมีต่อมนุษย์ที่พระองค์ทรงรัก
แม้หลายครั้งมักยากเกินที่จะเข้าใจ หรือยากที่จะทำใจให้รับได้ แต่....
“ถ้าพระองค์ทรงเรียกลงปราณกลับคืน
สิ่งมีชีวิตก็ตาย และกลับเป็นฝุ่นดิน”
(สดุดี 104:29)
ไม่มีสรรพสิ่งบนโลกที่อยู่เหนืออำนาจของพระเจ้าเลยจริงๆ
ข้าพเจ้าจึงเรียนรู้ว่า....
สำหรับพระเจ้าแล้วนั้น...ข้าพเจ้าไม่ต้องเข้าใจทั้งหมด แค่วางใจก็พอ
เหตุเพราะพระองค์ทรงเลือกสรร
ทุกสิ่งอันจึงบรรเจิดเทิดศักดิ์ศรี
สรรพสิ่งบนโลกล้วนมวลสิ่งดี
พระปราณีมีพระคุณหนุนนำใจ
ข้าฯจึงวางไว้ใจในพระเจ้า
พระผู้ทรงบรรเทาปัดเป่าให้
ทุกสิ่งสร้างทางจรยามอ่อนใจ
ถวายไท้ให้พระองค์ทรงหนุนนำ
..................................... |