“ศิลาซึ่งช่างก่อสร้างละทิ้งก็กลายเป็นศิลาหัวมุม”
(1เปโตร2:7)
ศิลาหัวมุม (Corner stone)
ในพระคัมภีร์ มีหลายช่วงที่กล่าวถึงศิลา
ที่ข้าพเจ้าพอจะนึกถึงก็มีในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม
ศิลาที่พระเจ้าทรงจารึกบัญญัติ 10 ประการ ผ่านทางโมเสส
ข้อปฏิบัติเพื่อนำไปสู่หนทางที่ถูกต้องที่ถูกจารึกไว้บนแผ่นหินนั้น
และในหนังสือประกาศกอิสยาห์ 28:16
ที่กล่าวว่า “ดังนั้น พระยาห์เวห์องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ว่า
“ดูซิ เราวางศิลาไว้บนเนินศิโยนเป็นศิลาที่เลือกสรร
เป็นศิลาหัวมุมประเสริฐ เป็นรากฐานมั่นคง
ผู้ที่วางใจในศิลานี้จะไม่สะดุดล้ม”
ส่วนในภาคพันธสัญญาใหม่
จะกล่าวถึงศิลาในฐานะที่พระเยซูเจ้าเป็นศิลาหัวมุม หรือศิลามุมเอก
พระศาสนจักรถูกก่อร่างสร้างขึ้นจากก้อนหินก้อนน้อยๆมากมาย
คริสตชนจึงเป็นเสมือนศิลาก้อนน้อยที่มีชีวิต
จนกลายเป็นพระวิหารของพระเจ้า
กลายเป็นพระศาสนจักรของพระองค์
แต่หากคริสตชนขาดศิลาหัวมุม
พระศาสนจักรก็ไม่อาจจะตั้งอยู่ได้
พระเยซูเจ้าทรงเป็นศิลาหัวมุม หรือศิลามุมเอกที่สำคัญนั้น
ข้าพเจ้าเองก็ไม่สันทัดด้านงานการก่อสร้าง
แต่พอได้ทราบคร่าวๆว่า การวางก้อนหินแต่ละก้อนเพื่อสร้างพระวิหาร
จะมีการวางก้อนหิน หรือศิลาก้อนใหญ่ๆเรียงกันไป
ศิลาก้อนสุดท้ายที่ถูกวางลง จะเป็นหลักยึดสำหรับศิลาก้อนอื่นๆ
เหมือนเราคริสตชนที่ถูกก่อร่างสร้างขึ้นบนรากฐานที่มั่นคง
ของบรรดาอัครสาวก ผู้แทนของพระเยซูเจ้า
และมีพระเยซูเจ้าเป็นศิลาหัวมุม เป็นหลักยึดเหนี่ยวที่มั่นคงของเรา
มาถึงตรงนี้ ข้าพเจ้าคิดถึงบทเพลงๆ หนึ่งที่ฟังทีไรก็อุ่นใจทุกที
เหมือนตัวเองเป็นศิลาก้อนน้อยที่ไร้ค่า
แต่พระเยซูคริสตเจ้าทรงจับข้าพเจ้าขึ้นมาเป็นส่วนหนึ่งในพระวิหารของพระองค์
บทเพลงสดุดีที่ 118 ท่อนหนึ่งร้องขับขานไว้ว่า
“.....ดุจดังศิลา ซึ่งช่างก่อสร้างทิ้งไป
บัดนี้เจ้าจะได้ เป็นศิลาหัวมุมเอกไซร้
ลูกนี้ไร้ค่า นำกายาเข้ามาถวาย
พระท่านโปรดทรงรับไว้ ด้วยพระทัยสุนทร
ใกล้ชิดพระองค์ จิตใจลูกคงมุ่งตรงสวรรค์
ความรักพระองค์ ดำรงคงนิจนิรันดร์
นี่แหละทรงธรรม์ องค์พระเจ้าของชาวประชา”
“สำหรับท่านที่มีความเชื่อ ศิลานี้จึงมีค่าประเสริฐ
แต่สำหรับผู้ที่ไม่มีความเชื่อ
ศิลาซึ่งช่างก่อสร้างละทิ้งก็กลายเป็นศิลาหัวมุม ”
(1เปโตร2:6-7)
ความเชื่อจึงเป็นเสมือนตัวเชื่อมศิลาก้อนน้อยของเรา
ให้ยึดติดกับศิลามุมเอกของพระเยซูเจ้า
ทำให้เรากลายเป็นส่วนหนึ่งของพระวิหารของพระเจ้า
ว่ากันด้วยคำว่า "ศิลา" ในพระคัมภีร์ไบเบิ้ล
ข้าพเจ้าค้นหามาบางส่วน ล้วนมีคุณค่าต่อความเชื่อ
เมื่อคิดถึงคำว่า "ศิลา" ที่จะนำมาซึ่งความมั่นคงในการดำเนินชีวิต
ก็ต้องคิดถึงพระเยซูคริสตเจ้าผู้เป็นศิลามุมเอก
ในสดุดีบทที่ 62 ข้อที่ 7 เขียนไว้ว่า
“ความรอดพ้นและเกียรติยศของข้าพเจ้าอยู่ในพระเจ้า
หลักศิลาแข็งแกร่งและที่หลบภัยของข้าพเจ้าอยู่ในพระองค์”
ใน 1 โครินธ์ 3:11 เขียนไว้ว่า
“รากฐานที่วางไว้แล้วนี้คือพระเยซูคริสตเจ้าและไม่มีใครวางรากฐานอื่นได้อีก”
และสำคัญยิ่งใน 1โครินธ์ 3:16-17 เขียนต่อไว้ว่า
“ท่านทั้งหลายไม่รู้หรือว่าท่านเป็นพระวิหารของพระเจ้า
และพระจิตของพระเจ้าทรงพำนักอยู่ในท่าน
ถ้าใครทำลายพระวิหารของพระเจ้า พระเจ้าจะทรงทำลายเขา
เพราะพระวิหารของพระเจ้านั้นศักดิ์สิทธิ์ และท่านก็คือพระวิหารนั้น”
ฝากไว้อีกข้อความสุดท้ายที่เน้นย้ำให้เห็นถึงความรัก
ที่พระเจ้าทรงมีต่อลูกๆของพระองค์
ใน เอเฟซัส 2:19-22 ข้อความว่า
“ท่านจึงไม่เป็นคนต่างด้าวหรือผู้อาศัยอีกต่อไป
แต่เป็นเพื่อนร่วมชาติกับบรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์
เป็นสมาชิกในครอบครัวของพระเจ้า
ถูกสร้างขึ้นเป็นอาคารโดยมีบรรดาอัครสาวกและประกาศกเป็นรากฐาน
มีพระคริสตเยซูทรงเป็นศิลาหัวมุม พระคริสตเจ้าทรงทำให้อาคารทุกส่วน
ต่อกันสนิทเจริญขึ้นเป็นพระวิหารศักดิ์สิทธิ์เพื่อองค์พระผู้เป็นเจ้า
ในพระคริสตเจ้า ท่านทั้งหลายก็เช่นกันกำลังถูกก่อสร้างร่วมกันขึ้น
เป็นที่ประทับของพระเจ้าเดชะพระจิตเจ้า”
..................................... |