“ข้าพเจ้าทูลองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า
‘พระองค์ทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้า
พระองค์ทรงเป็นความดีที่สุดของข้าพเจ้า’ ”
(สดุดี 16:2)
ข้าพเจ้ารู้สึกว่า ชีวิตของข้าพเจ้าในยุคที่ข้อมูลข่าวสารกระหน่ำกันหลั่งไหลออกมา
หลายครั้งข้าพเจ้าก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าข้อมูลข่าวสารหรือสิ่งต่างๆเหล่านั้น
เข้าแอบแฝงครอบงำความรู้สึกนึกคิดของข้าพเจ้าไปด้วย
จนบางครั้งมันก็อาจจะทำให้มโนธรรมของข้าพเจ้าแอบบิดเบือนไปบ้าง
เห็นผิดเป็นชอบ เห็นไม่ควรเป็นควรไปได้อย่างน่ากลัว
วันก่อนข้าพเจ้ามานั่งดูรายการโฆษณาขายของออนไลน์ในโทรทัศน์
ประเภทที่ถ้าโทรเข้ามาในชั่วโมงนี้ ลดราคา เท่านั้น แถมของแถมอีกเท่าตัว
แรกๆ ข้าพเจ้านั่งฟังก็รู้สึกชื่นชมในการตลาดของเขา
ในการพูดโน้มน้าวจูงใจคนให้ควักเงินออกมาให้เขาให้จงได้
ขนาดข้าพเจ้านั่งฟังไปเรื่อยๆ ข้าพเจ้ายังรู้สึก
อยากจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาสั่งทันทีเช่นกัน
นี่แค่รายการขายของลดแลกแจกแถมเท่านั้นนะ
แล้วยังมีสื่อ ข้อมูล ข่าวสาร คลิปอื่นๆมากมายบนโลกออนไลน์
ที่หลั่งไหลกันออกมาบนSocial Mediaอีกนับไม่ถ้วนหละ
Social Media นี่มันคืออะไรหรือ
มันก็คือสื่อสังคมออนไลน์ที่มีการตอบสนองทางสังคมได้หลายทิศทาง
โดยผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต หรือเว็บไซต์ที่ทุกคนบนโลกนี้
สามารถมีปฏิสัมพันธ์โต้ตอบกันได้
เมื่อทุกคนบนโลกมีปฏิสัมพันธ์กันได้อย่างไม่มีขีดจำกัด
ในขณะที่โลกเราก็มีทั้งคนดีและคนไม่ดี คนประสงค์ดีและคนประสงค์ร้าย
ข้อมูลข่าวสารต่างๆจึงไม่ได้เป็นข้อมูลที่บริสุทธิ์ สะอาดขาวเหมือนที่เรารับมาง่ายๆ
เราใช้อะไรในการพิจารณารับข้อมูลข่าวสารเหล่านั้นหละ
เราใช้สมองของมนุษย์ในการพิจารณาแยกแยะสิ่งที่อยากรับกับสิ่งที่ไม่อยากรับ
สิ่งที่ชอบ กับสิ่งที่ไม่ชอบ สิ่งที่มีผลประโยชน์กับตนกับสิ่งที่ไม่มีผลประโยชน์
สิ่งที่สนองอารมณ์ ณ จุดนั้น เช่น กำลังโกรธเพื่อนร่วมงาน
ก็หาบทกลอน หาคลิปที่พอจะเหน็บแนม ระบายสิ่งที่อยากกระทำลงไป
เมื่อไม่กี่วันมานี้ข้าพเจ้าได้ฟังข่าวชายคนหนึ่งทำอาชีพส่งอาหารเดลิเวอรี่
ออกมาร้องไห้ฟูมฟายว่าลูกค้าสั่งอาหารแล้วไม่เอา
ซ้ำร้ายยังมาต่อว่าเขาอีก เขาไม่มีเงินเหลือเพื่อซื้ออาหารรับประทานแล้ว
ผู้คนที่เสพข่าวออนไลน์ต่างก็ออกมาประณามหญิงลูกค้าคนนั้นอย่างหนัก
และโอนเงินช่วยเหลือชายเดลิเวอรี่ด้วยความสงสาร
สุดท้าย หญิงลูกค้าออกมาฟ้องกลับ เนื่องจากเหตุผลในการส่งอาหารนั้น
ชายส่งเดลิเวอรี่ไม่ซื้ออาหารให้ตามที่สั่ง ซ้ำร้ายยังเปลี่ยนร้านที่ลูกค้าต้องการ
ไม่แจ้งการเปลี่ยนแปลง และยังพูดจาก้าวร้าวกับหญิงลูกค้าอีกด้วย
สุดท้ายชายส่งเดลิเวอรี่ออกมาขอโทษ
ข้าพเจ้าได้ฟังหญิงลูกค้านำเสนอข่าวแล้วรู้สึกสะท้อนใจสังคมปัจจุบัน
หลายครั้งที่เราฟังข่าวด้านเดียว ตัดสินใจจากเหตุการณ์ตามคำบอกเล่าฝ่ายเดียว
เป็นเหตุให้ผู้ที่ไม่มีโอกาสออกมายืนยันความบริสุทธิ์ของตนกลายเป็นผู้ร้ายไปเสีย
มนุษย์ผู้มีใจอ่อนแอ จะทำสิ่งใดได้เล่าเมื่อใช้ความรู้สึกส่วนตัวของตนเองเป็นใหญ่
ข้าพเจ้าไม่ปฏิเสธเลยว่าการบังคับตัวเองให้เดินให้ถูกทาง ตรงทางอย่างมั่นคง
มันเป็นสิ่งที่ยากสำหรับการใช้ชีวิตบนโลกยุคปัจจุบัน
สิ่งเดียวที่ข้าพเจ้าสามารถยึดไว้เป็นหลักเหนือการดำเนินชีวิต
คือองค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้า
เพียงคำเดียวที่ใช่ ก็คือ หากไร้พระองค์ลูกคงไม่อาจทำสิ่งใด
เพราะพระองค์ทรงเป็นองค์ความดีที่สุดของข้าพเจ้า
ทรงกระตุ้นเตือนในยามที่มโนธรรมของข้าพเจ้าบิดเบือนจากหนทางที่ถูกต้อง
หากไร้องค์ ลูกคง จักหลงทาง
ลูกจึงวาง ชีวิต ดวงจิตไว้
ให้พระองค์ ทรงธรรม นำลูกไป
สู่ฟ้าใหม่ แผ่นดินใหม่ ในพระองค์
“ข้าพเจ้าเห็นองค์พระผู้เป็นเจ้าอยู่ต่อหน้าข้าพเจ้าเสมอ
พระองค์ประทับอยู่เบื้องขวา
ข้าพเจ้าจะไม่หวั่นไหว”
(กิจการ 2:25)
..................................... |