พระเยซูเจ้าตรัสกับเขาว่า “ท่านเชื่อเพราะได้เห็นเรา

ผู้ที่เชื่อ แม้ไม่ได้เห็นก็เป็นสุข”

(ยอห์น 20:29)

ข้าพเจ้าเรียนรู้ว่า ความรักทำให้เกิดความเชื่อ

เมื่อพ่อและแม่ของข้าพเจ้าพยายามเพาะบ่มชีวิตข้าพเจ้า

และสมาชิกทุกคนในครอบครัวใหญ่ของเรา

ให้มีความเชื่อ ความศรัทธา รักพระ และชิดสนิทกับพระในทุกกิจการ

ไม่มีครอบครัวใดที่สมบูรณ์แบบที่สุดนอกเสียจากครอบครัวศักดิ์สิทธิ์แห่งพระคริสตเจ้า

ดังนั้นแล้ว หลายครั้ง ที่อาจจะมีสมาชิกในครอบครัวบางคนหลงเดินออกนอกเส้นทาง

ที่สำคัญยิ่ง และน่ากลัวที่สุดคือการหลงออกนอกเส้นทางของความเชื่อ

พ่อและแม่มักคอยย้ำเตือนให้ลูกๆหลานๆ ของท่านสวดภาวนา

ร่วมมิสซา และปฏิบัติตนอยู่ในข้อคำสอนของพระเจ้า และพระศาสนจักรของพระองค์

มีหลายครั้งที่เรามักถกเถียงกันด้วยข้อความเชื่อเมื่อเราสงสัย

และพ่อมักจะเป็นแสงสว่างในการให้คำตอบนั้นแก่เราอย่างดี

พ่อเคยเล่าว่า ชายหนุ่มคนหนึ่งรักกับหญิงสาว

เขาจะไม่อยากรู้จักประวัติของเธอ ที่อยู่ หรือรายละเอียดต่างๆของเธอหรือ

ใช่ เขาย่อมต้องการรู้จักเธอให้มากยิ่งขึ้น

การได้รัก  ยิ่งรักมากเท่าไหร่ เราก็จะเชื่อในบุคคลที่เรารักมากเท่านั้น

เชื่อในสิ่งที่เขาพูด เชื่อในการกระทำของเขา

เชื่อแม้บางครั้งมนุษย์เองอาจจะทำให้ความเชื่อของเราสั่นคลอนไป

เราก็ยังดึงดันที่จะเชื่อ เพราะความรักที่เรามีต่อเขา

พ่อบอกว่า ลูกๆ หละ รักพระมากพอที่จะเชื่อทุกสิ่ง

เชื่อพอที่จะฝากทุกอย่างในชีวิต แม้ไม่เห็นพระองค์หรือไม่

ข้าพเจ้ากลับมาพิจารณาใคร่ครวญถึงคำที่พ่อของข้าพเจ้าสอน

นั่นสินะ กี่ครั้งที่เราหวั่นไหวไปกับปัญหาอุปสรรคของโลก

กี่ครั้งที่เรารู้สึกเหนื่อยหน่ายที่จะเชื่อ เพราะเรารักได้ไม่มากพอ

แต่ทุกครั้งที่เราดึงดันที่จะเชื่อท่ามกลางความอ่อนแอ

พลังพิเศษของพระจิตเจ้าจะคอยเยียวยาให้ความอ่อนแอนั้นสลายหายไป

ความเชื่อจึงต้องมาพร้อมกับการวอนขอ

วอนขอท่ามกลางความอ่อนแอของชีวิตที่พร้อมจะไม่เชื่ออยู่ตลอดเวลา

ขอพระจิต  ประสิทธิ์รัก  ภักดีองค์

ให้มั่นคง  ดำรงมั่น  ไม่หวั่นไหว

เสริมความเชื่อ  เอื้อชีวิต  พิชิตใจ

มีพระคริสต์  นำทางไป  ไม่หวั่นกลัว

เมื่อในอดีตวันที่ข้าพเจ้าขอพรพระขึ้นบ้านใหม่

ญาติผู้พี่ท่านหนึ่งได้มอบพระรูปพระเมตตาขนาดใหญ่ให้ข้าพเจ้าเพื่อติดไว้ในบ้าน

ข้าพเจ้าติดรูปพระเมตตานั้นไว้ในมุมที่โดดเด่น สวยงาม

เพื่อพระเมตตานั้นจะได้คอยสะกิดใจสมาชิกในบ้าน

ได้รำลึกถึงพระเมตตายิ่งใหญ่ของพระคริสตเจ้าที่ทรงมีต่อเราสมาชิกในบ้านทุกคน

หรือผู้ที่เข้ามาแวะเวียนเยี่ยมเยียนบ้านหลังนี้

สมาชิกในบ้านของเราจะปลอดภัยจากสิ่งเลวร้ายนานาประการ

แม้อุปสรรคใดๆกล้ำกรายเข้ามา  มันจะผ่านพ้นไปด้วยดี

ด้วยพระเมตตาของพระองค์

“ข้าพเจ้าถูกผลักอย่างรุนแรงให้ล้มลง

แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าเสด็จมาช่วยข้าพเจ้า

องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นพละกำลัง และทรงเป็นบทเพลงของข้าพเจ้า”

(สดุดี 118:13-14)

ในช่วงเทศกาลมหาพรตที่โลกของเราถูกมรสุมโควิด-19 รุ่มเร้า

พวกเราคริสตชนต่างรอความหวังของโลกใหม่ที่กำลังจะมาถึง

เมื่อการจัดระเบียบของโลกได้สิ้นสุดลง

เราจะได้พบโลกใหม่พร้อมกับการกลับคืนพระชนมชีพของพระคริสตเจ้า

กี่สัปดาห์แล้วนะที่ข้าพเจ้าต้องร่วมมิสซาผ่านทางการถ่ายทอดสด

กี่สัปดาห์แล้วนะที่ลูกๆของพระองค์บางคนไม่แม้แต่จะสวดภาวนา

ข้าพเจ้ามองเห็นแหแห่งชีวิตที่พระองค์ทรงเหวี่ยงลงมายังโลกมนุษย์

ดุจชาวประมงที่เหวี่ยงแหหาปลา

พระองค์ทรงเลือก เรียกทั้งคนดีและไม่ดีกลับไปยังด้านหน้าพระวิหารของพระองค์

พระองค์ทรงเลือกคนดีให้เข้าสู่ประตูพระวิหารนั้น

มนุษย์บนโลกนี้เอ๋ย  ทำไมใจเรายังแข็งกระด้างเหลือเกิน

เรามีโอกาส เรามีลมหายใจในเช้าวันใหม่ เพราะพระองค์ทรงให้โอกาสและเวลาเรา

ทำไมใจเรายังแข็งกระด้าง ไม่เชื่อในข้อคำสอนของพระองค์

ยังดำเนินชีวิตอย่างไร้จุดหมายปลายทางที่แท้จริง

ยังดำเนินชีวิตอย่างขาดความเชื่อ

ข้าพเจ้ายังเฝ้าเตือนใจของตนเองเช่นนี้ด้วยเช่นกัน

เมื่อไม่กี่วันก่อนข้าพเจ้าชมรายการโทรทัศน์รายการหนึ่ง

หญิงหน้าตาอัปลักษณ์คนหนึ่ง แต่งงานกับชายที่รักเธอมาก

ชายคนนั้นเล่าว่า เขาสงสารเธอ และสุดท้ายก็รักเธอ

เพราะเธอร่าเริงแม้ในสภาพหน้าตาที่อัปลักษณ์ก็ตาม

รายการโทรทัศน์ช่องหนึ่งนำเธอออกอากาศและรักษาใบหน้าของเธอ

เธอกลับมาอีกครั้งในใบหน้าที่สวยงามขึ้นมาก

ชายหนุ่มบอกกับทางรายการว่า บางทีเขาก็ไม่ต้องการให้เธอสวยขึ้น

เพราะเกรงว่าเธอจะไม่รักเขา แต่ เขาก็สารภาพว่านั่นเพราะเขาเห็นแก่ตัวเกินไป

ชายหนุ่มทำงานหนักเพื่อให้หญิงคนรักมีความสุข

และเขาก็สุขใจเมื่อคู่ชีวิตของเขาได้รับการรักษาใบหน้า

ท้ายรายการชายหนุ่มบอกกับพิธีกรในรายการว่า

เขาจะพาคู่ชีวิตของเขากลับไปอยู่ต่างจังหวัด

เขาอยากจะไปตรวจสุขภาพของเขาด้วย เนื่องจากเขารู้สึกว่าร่างกายของเขามีปัญหา

(แต่เขาก็ไม่ได้โฟกัสที่ปัญหาสุขภาพของเขาเลย

เขาโฟกัสที่ความสุขของภรรยาของตนมาตลอด)

เขาอยากพาภรรยาของเขากลับไปอยู่ต่างจังหวัด

จะได้ปลูกผัก ปลูกพืช ทำสวน อยู่กับภรรยาของเขา

แต่สุดท้าย เพียง 6 เดือนหลังจากนั้น

ชายหนุ่มก็เสียชีวิตลงด้วยโรคมะเร็ง

หลังจัดงานศพเรียบร้อย ภรรยาของเขาจึงตัดสินเข้าสู่สถานปฏิบัติธรรม

แม้จะมีชายหนุ่มคนใหม่มาจีบเธออีกมากมาย เธอก็ไม่ได้สนใจใครอีก

เพราะเธอรู้ว่า จะหาคนที่ดีที่สุดแบบนี้ไม่ได้อีกแล้วจริงๆ

“ท่านจงชื่นชม แม้ว่าในเวลานี้ท่านยังต้องทนทุกข์จากการถูกทดสอบต่างๆชั่วขณะหนึ่ง

เพื่อคุณค่าที่แท้จริงแห่งความเชื่อของท่านจะได้รับการสรรเสริญ

รับสิริรุ่งโรจน์ และรับเกียรติ เมื่อพระเยซูคริสตเจ้าจะทรงแสดงพระองค์”

(1 เปโตร 1:6-7)

ชีวิตของมนุษย์เราล้วนต้องผ่านพบปัญหาและอุปสรรค

ปัญหาและอุปสรรคจะเป็นตัวทดสอบเราว่า

เรามีความเชื่อมั่นในความรักต่อบุคคลๆ หนึ่งมากแค่ไหนจริงๆ

.....................................