“จงขอบพระคุณองค์พระผู้เป็นเจ้า

เพราะพระองค์พระทัยดี

ความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงอยู่เป็นนิตย์”

(สดุดี118:1)

ในช่วงเวลาแห่งความยุ่งยากของโลก ที่เราไม่อาจสรุปได้ว่าจะสิ้นสุดลงตรงไหน

หรือสิ้นสุดลงเมื่อไหร่ แม้อาจจะมีใครออกมาทำนายทายทัก

ถึงวันสิ้นสุดของความยุ่งยากแห่งโรคร้าย

แต่สิ่งหนึ่งที่คริสตชนรับรู้ได้คือ ในทุกๆเช้าวันใหม่เราขอบพระคุณพระองค์

ที่ทรงประทานลมหายใจต่อให้เราอีกหนึ่งวัน

ขอบพระคุณพระเจ้าที่ให้โอกาสเราคนบาปได้มีโอกาสแก้ไขตัวเองอีกวันหนึ่ง

ในเทศกาลปัสกา ซึ่งเป็นเทศกาลแห่งความชื่นชมยินดีที่เราคริสตชน

ได้เริ่มต้นชีวิตใหม่พร้อมกับพระคริสตเจ้าในการกลับคืนพระชนมชีพ

เมื่อพระองค์ทรงมอบชีวิตใหม่ให้เรา  มอบลมหายใจใหม่ให้เรา

เราจะเจริญชีวิตในแบบเดิมๆต่อไปอีกหรือ

เนื่องในสถานการณ์โรคระบาดไวรัสโควิด-19 แพร่กระจายไปทั่วโลกปีนี้

ซึ่งตรงกับเทศกาลมหาพรตยืดยาวจรดเทศกาลปัสกา

และไม่มีทีท่าว่าจะสงบลงโดยเร็ว

ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้คริสตชนไม่ได้มีโอกาสไปร่วมงานฉลองบูชาขอบพระคุณ

ในเทศกาลพิเศษนี้  ซึ่งบางท่านอาจจะร่วมพิธีในการถ่ายทอดสดจากทางวัด

หรือบางท่านอาจจะใช้ชีวิตลืมวันเดือนปี จนไม่ได้ใส่ใจกับพิธีกรรมไปด้วย

หรือจะด้วยเหตุผลใดๆก็ตาม

สุดท้ายแล้วเมื่อความยุ่งยากทางโลกผ่านไป  การจัดระเบียบของธรรมชาติผ่านไป

แสงสว่างใหม่ก็จะสาดส่องลงมา

พร้อมกับคริสตชนที่ยังยืนหยัดในความรักมั่นคงต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า

ในช่วงเวลาที่ไม่ได้ร่วมพิธีบูชาขอบพระคุณในวันอาทิตย์

ข้าพเจ้าเองแม้จะรู้สึกว่างเปล่าไม่ต้องวางแผนหรือตระเตรียมตัวเองในแต่ละวัน

หรือไม่ต้องกระวีกระวาดจัดการตัวเองและสมาชิกในบ้าน

เพื่อไปร่วมพิธีบูชาขอบพระคุณ

แต่สิ่งหนึ่งที่ข้าพเจ้าสัมผัสได้คือ ความวุ่นวาย พะวงในใจ

กลัวว่าความเฉยชาจะเข้าครอบงำจิตใจลูกๆของพระองค์

ข้าพเจ้าจึงคิดว่าในช่วงเวลาเช่นนี้ หากสมาชิกในบ้านลืมวันของพระเจ้า

ผู้เป็นหลักทางจิตใจของบ้านจำต้องสรรหากิจกรรม

เพื่อการระลึกถึงในวันพิเศษนี้ในครอบครัวด้วย

หากข้าพเจ้าอยู่บ้านต่างจังหวัดกับพ่อและแม่

พ่อก็คงจะพาข้าพเจ้าและพี่น้อง รวมไปถึงลูกๆหลานๆ สวดร่วมกัน

ดังนั้นแล้ว เมื่อบางสัปดาห์ข้าพเจ้ามิได้ร่วมในการถ่ายทอดสดพิธีบูชาขอบพระคุณ

ข้าพเจ้าก็ควรจะนำพาลูกๆ และครอบครัวในการสวดภาวนาเป็นพิเศษ

ข้าพเจ้าไม่ใช่ครอบครัวที่ศรัทธา และยังอ่อนแอในความเชื่อ

ดังนั้นความอ่อนแอเหล่านี้แหละที่ทำให้ข้าพเจ้ากลัว

ข้าพเจ้าจะปล่อยให้ความอ่อนแอเจริญงอกงามไม่ได้เลย

เพราะอย่างไรก็ตาม คนป่วยย่อมต้องการหมอ ดุจคนบาปต้องการพระเจ้า

ข้าพเจ้ามิอาจยืนยันได้ว่าลูกหลานหรือสมาชิกในครอบครัวทุกคนจะศรัทธา

แต่สิ่งหนึ่งคือการพยายามใส่จิตวิญญาณของความศรัทธาลงไปทีละนิด

ให้วิญญาณแต่ละดวงในครอบครัวของตน

ได้ค่อยๆมีน้ำแห่งชีวิตหล่อเลี้ยงในช่วงเวลาที่วิญญาณขาดแคลนนี้

เพราะฟ้าใหม่  แผ่นดินใหม่  ใกล้เข้ามา

ธรรมชาติ   จัดเยียวยา   รักษาให้

สิ่งดีงาม  ตามสมควร   ล้วนเป็นไป

คืนฟ้าใหม่  แผ่นดินใหม่  ให้โลกเรา

..................................

ในช่วงเวลาแห่งการสูญเสีย ธรรมชาติจะเคลียสิ่งใหม่เกิดขึ้นมา

ในช่วงเวลาแห่งการเยียวยา จะมีคุณค่าของชีวิตถูกสร้างเสริม

ในช่วงเวลาแห่งความสิ้นหวัง  จะมีพลังของพระมาพูนเพิ่ม

ในช่วงเวลาแห่งการริเริ่ม  คือทุกสิ่งจะถูกเติมจนอิ่มเต็ม

.....................................