“ท่านเคยได้ยินเขากล่าวว่า ‘ตาต่อตา ฟันต่อฟัน’
แต่เรากล่าวแก่ท่านทั้งหลายว่า อย่าโต้ตอบคนชั่ว”
(มัทธิว 5:38-39)
..........................
เส้นทางชีวิตที่เราต้องพบเจอมนุษย์หลากหลายประเภท
หลากหลายอุปนิสัย หลากหลายความคิด
หลายครั้งที่เราเองก็ตัดสินเขาเหล่านั้นจากกิจการที่เขากระทำให้เราเห็น
หรือแม้แต่จากการฟังความของคนรอบข้าง
ใจหม่นหมองของเช้าตรู่วันหนึ่ง ที่ข้าพเจ้าตื่นขึ้นมาพร้อมกับความรู้สึกที่อิดโรย ห่อเหี่ยว
ข้าพเจ้ากำลังเริ่มต้นภารกิจด้วยการปรับจูนจิตใจ
ให้พร้อมสำหรับการงานเท่าที่จะสามารถทำได้
ในขณะที่ใจกำลังปรับจูนให้พร้อม
กลับมีบุคคลคนหนึ่งเดินเข้ามาแล้วสะกิดรอยความหม่นหมองในใจให้ลุกโชนขึ้นมาอีก
ข้าพเจ้านึกประณามเขาในใจว่า เหตุใดเขาจึงเป็นบุคคลที่น่าเบื่อหน่ายเช่นนี้
ทำไมช่างมีคำพูดที่ไม่สร้างสรรค์ หรือจรรโลงใจสำหรับผู้ที่ควรได้ยินได้ฟังเลย
ทำไมจึงเข้ามาสร้างความหม่นหมองในใจข้าพเจ้าที่ยังไม่พร้อมด้วย
ข้าพเจ้าเดินช้าๆ ย้ำคิดกับสิ่งที่เขาพูด
ก่อนจะมานั่งรำพึงกับตนเอง จนได้พระวาจาที่เตือนใจข้าพเจ้าว่า
“อย่าโต้ตอบคนชั่ว ผู้ใดตบแก้มขวาของท่าน
จงหันแก้มซ้ายให้เขาด้วย”
(มัทธิว 5:39 )
ดังนั้นแล้ว ข้าพเจ้าจึงกลับมาพิจารณาตัวเอง
ว่าอันที่จริง ก่อนที่ข้าพเจ้าจะตัดสินว่า ใครเป็นคนไม่ดีในสายตาข้าพเจ้านั้น
ข้าพเจ้าก็ต้องพึงระวังตัวเองด้วยว่าตัวเองเป็นคนดีพร้อม
พอที่จะกล่าวหาผู้อื่นว่าไม่ดีได้หรือไม่
การย้อนคิด ย้อนทบทวนการกระทำของตนเอง ทำให้ข้าพเจ้าให้อภัยได้ง่ายขึ้น
แม้จิตใจจะยังหม่นหมองอยู่ แต่เวลา และทัศนคติที่ดีที่มาพร้อมกับพระวาจาเตือนใจ
จะค่อยๆเยียวยาจิตใจของข้าพเจ้าไปเอง
วันแย่ๆ ไม่ได้มีกันทุกวัน และวันดีๆ ก็ไม่ได้อยู่ยั่งยืนถาวร
ข้าพเจ้าเตือนตัวเองให้รับ ปรับ เข้าใจ
และอยู่กับทุกเหตุการณ์ต่างๆด้วยความอดทน เชื่อมั่น และไว้วางใจ
ว่าอย่างไรก็ตาม ความดี และความรักย่อมชนะความเลวร้ายทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตแน่นอน
มีข้อความสั้นๆของผู้นำจีนท่านหนึ่งกล่าวเตือนใจไว้ว่า
“การยิ้มไม่เหนื่อย การโกรธถึงจะเหนื่อย
เรียบง่ายไม่เหนื่อย ซับซ้อนถึงจะเหนื่อย
มิตรภาพไม่เหนื่อย ไม่เข้าใจกันซิเหนื่อย
จริงใจไม่เหนื่อย เสแสร้งถึงจะเหนื่อย
เพิ่มมิตรไม่เหนื่อย สร้างศัตรูถึงจะเหนื่อย
ไม่เห็นแก่ตัวไม่เหนื่อย เห็นแก่ตัวถึงจะเหนื่อย
มีได้มีเสียไม่เหนื่อย คิดหยุมหยิมถึงจะเหนื่อย
กายเหนื่อยไม่เหนื่อย ใจเหนื่อยถึงจะเหนื่อย”
“จิตใจข้าพเจ้าเอ๋ย จงถวายพระพรแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด
จงอย่าลืมพระคุณต่างๆ ที่พระองค์ประทานให้”
(สดุดี 103:2)
Jอยู่อย่างเรียบง่ายไม่ซับซ้อน
อยู่อย่างไม่รีบร้อนจะไปไหน
อยู่ด้วยความรักและเข้าใจ
อยู่ที่ไหนๆก็สุขดี
อยู่ที่มีใจที่ใสสด
อยู่ที่ลด ละวางความทุกข์นี้
อยู่กับสิ่งที่เป็น สิ่งที่มี
มียิ้มให้วันนี้ก็สุขใจJ
ในวันที่รู้สึกย่ำแย่ อาจารย์ท่านหนึ่งเคยสอนให้ข้าพเจ้าภาวนาด้วยใจ
ใส่ตัวตนของเราเองลงไปในบทภาวนานั้น
‘ข้าพเจ้าเป็นข้ารับใช้ของพระคริสตเจ้า
ความทุกข์ยาก หรือความสุขใดๆในชีวิตข้าพเจ้า
ล้วนเป็นของประทานที่มีคุณค่าแก่ข้าพเจ้า
ที่พระองค์ทรงเลือกสรร และอนุญาตให้เกิดขึ้นในชีวิตของข้าพเจ้าแล้ว
ดังนั้น ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ ยากดีมีจน ล้วนมีคุณค่าและเหมาะสมสำหรับข้าพเจ้า
และแม้ว่าข้าพเจ้าอาจจะไม่เข้าใจในแผนการของพระองค์
ขอพระองค์ประทานความมั่นใจให้แก่ข้าพเจ้าว่า เหตุการณ์เหล่านั้นจะมีคุณค่า
ไม่ทางใดก็ทางหนึ่งสำหรับข้าพเจ้าอย่างแน่นอน’
©ขอรับใช้ ชีวิตข้าขอรับใช้ ชีวิตข้าขอมอบให้
โอ้ ข้าเป็นของพระองค์ ของพระองค์©
จู่ๆ ก็มีบุคคลอันเป็นที่รัก ส่งประโยคหนึ่งจากบทเพลงนี้มาให้
ในวันที่ข้าพเจ้าตกปากรับคำที่จะทำงานพระอีกชิ้นหนึ่ง
ในวันที่ข้าพเจ้ารู้สึกไม่พร้อมด้วยดวงใจที่ทดท้อ ปรวนแปร
บทเพลงนี้ทำให้ข้าพเจ้าพยายามเรียกพลังของตัวเองให้กลับคืนมา
ด้วยอำนาจอันยิ่งใหญ่ของพระคริสตเจ้า
พระองค์จะเติมเต็มข้าพเจ้าให้ผ่านทุกกิจการไปด้วยความรัก
ตราบเท่าที่ข้าพเจ้ายังมีใจสุภาพนบนอบพอที่จะยอมรับสิ่งที่จะเกิดขึ้น
ไม่ว่าจะดีหรือร้าย สุขหรือทุกข์ก็ตาม
..................................... |