“จงมีความหวังในองค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด
จงเข้มแข็ง จงทำใจกล้า
จงมีความหวังในองค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด”
(สดุดี 27 :14)
ในที่ที่มืดมิด ทำให้ข้าพเจ้ามองเห็นแสงสว่างแม้เพียงเล็กน้อยนั่น มีคุณค่ายิ่งนัก
ในชีวิตข้าพเจ้าก็เช่นกัน
ในวันที่จิตวิญญาณของข้าพเจ้ามืดมิด
หากใครสักคน แค่เพียงนั่งนิ่งๆ เคียงข้างข้าพเจ้า
เขาก็เป็นประดุจแสงสว่างดวงเล็กๆที่มีคุณค่ายิ่งนักสำหรับข้าพเจ้าแล้ว
ฉันใดก็ฉันนั้น หากข้าพเจ้าเองยังต้องการแสงสว่างในวันที่ดวงใจมืดมน
แล้วข้าพเจ้าเคยนำแสงสว่างไปสู่ใจผู้อื่นบ้างหรือไม่ในวันที่ใจของเขามืดมน
เคยเติมไฟพลังความหวังของใครให้ลุกโชนขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งไหม
ในวันที่ไฟของใครบางคนกำลังจะมอดดับไป
“ประชากรที่เดินในความมืดแลเห็นความสว่างยิ่งใหญ่”
(อิสยาห์ 9:2)
ครั้งหนึ่ง ข้าพเจ้ารู้สึกโกรธใครคนหนึ่งที่ข้าพเจ้ารักมาก
จนข้าพเจ้ารับรู้ได้ถึงจิตวิญญาณในด้านมืดของข้าพเจ้ากำลังประทุขึ้นภายใน
กระบวนการคิดในสมองกลายเป็นกระบวนการที่กลั้นออกมาจากมุมมืดของจิตใจ
ถ้อยคำที่ระบายออกมาไม่ว่าจะโดยทางใด
กลับกลายเป็นถ้อยคำที่พร้อมทำลายความสัมพันธ์ที่ดีโดยสิ้นเชิง
ความรักที่เคยสวยงาม ให้อภัย และมีแต่ความดีงาม
กลับกลายเป็นความรักที่มืดมน หม่นหมอง มองเห็นแต่ภาพลบของกันไปเสีย
ภาพในอดีตแม้ความผิดเพียงเล็กน้อยก็ถูกขุดคุ้ยขึ้นมาวนเวียนอยู่ในสมองที่ขุ่นมัว
ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้น ยิ่งแค้นก็ยิ่งอยากทำร้ายกันและกันมากขึ้น
ในวันที่ข้าพเจ้ารู้สึกเลวร้ายกับมุมมืดที่ถูกกระตุ้นให้แตกตื่นขึ้นมาของตัวเอง
และกำลังย้ำคิดกับความผิดหวังในตัวบุคคลอันเป็นที่รัก
พร้อมกับแฮชแท็กข้อความ “อย่าปลุกมุมมืดของฉันให้มันตื่นขึ้นมานะ”
พระเยซูเจ้าในตัวเพื่อนพี่น้องรอบข้างก็นำแสงสว่างมาจุดประกายความสวยงามอีกครั้ง
เธอบอกข้าพเจ้าว่า “อย่าให้แม่พระในตัวพี่หนีหายไปนะ”
นั่นสินะ ฉันกำลังถูกมารร้ายประจญอีกแล้วใช่ไหม
มารร้ายมักแทรกซึมเข้ามาในจิตวิญญาณ
มันรู้ดีว่าข้าพเจ้าอ่อนแอเรื่องอะไร มันรู้ว่าข้าพเจ้าต้องการอะไร
มันใช้สิ่งเหล่านั้นเป็นเครื่องมือทำร้ายข้าพเจ้าให้ตกอยู่ในความมืดมิดของชีวิต
มันทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกทดท้อ หมดหวัง ความเชื่ออ่อนแอ และหวั่นไหว
ด้วยการเข้ามาทำลายสัมพันธภาพที่ดีในตัวบุคคลที่ข้าพเจ้ารัก
แต่พระเมตตาของพระเจ้าทรงปกปักษ์รักษาข้าพเจ้าไว้
และพระองค์ทรงทันเวลาเสมอสำหรับข้าพเจ้า
“©โปรดส่องแสงเถิด พระเยซูเจ้า ให้พระสิริองค์พระบิดาเจ้าครอบครองทุกดวงใจ
โปรดหลั่งพระพร เหนือนานาชาติ
ให้พระวาจาแพร่หลายดุจสายธาร พร้อมเป็นดังแสงสว่าง©”
(จากบทเพลง ดุจสายธารและแสงสว่าง)
ข้าพเจ้าโชคดีมากที่ในแต่ละสัปดาห์ ข้าพเจ้ายังมีพระวาจาหล่อเลี้ยงชีวิต
ผ่านการไตร่ตรอง แม้จะอยู่ในภารกิจหนึ่งของสัปดาห์ก็ตาม
และแม้ในสัปดาห์นั้นๆ ข้าพเจ้าอาจจะตกอยู่ในการทดลอง
พระวาจาก็จะชักนำข้าพเจ้าให้เดินกลับมาตรงทางอีกครั้งหนึ่ง
พระวาจา แห่งรัก พิทักษ์ข้าฯ
แสงสว่าง นำพา ข้าฯสดใส
พระเมตตา นำข้าฯ ก้าวต่อไป
ในหนทาง ยิ่งใหญ่ ของพระองค์
แม้มารร้าย ทำลาย ข้าฯอ่อนแอ
จนพ่ายแพ้ แก่แผนชั่ว มัวไหลหลง
ข้าฯวอนขอ พระเมตตา ข้าฯเดินตรง
มั่นในองค์ ทรงฤทธิ์ ประสิทธิ์พร
ในพระองค์ จะไม่มีมารร้ายใดๆ เข้ามากล้ำกรายข้าพเจ้าได้
ในพระองค์ มุมมืดใดๆ จะไม่มีผลต่อข้าพเจ้า เพราะความสว่างของพระองค์
ส่องสว่างอยู่เหนือข้าพเจ้า และอยู่เหนือบุคคลอันเป็นที่รักของข้าพเจ้าทุกคน
เราจะไม่หลงทางอยู่ในความมืดมิดนานเกินไป
และพระองค์ทรงทันเวลาเสมอ
............................
เมื่อสมาชิกคนใดคนหนึ่งในครอบครัวมีความเชื่อที่หวั่นไหว
สมาชิกทุกคนที่มีสายสัมพันธ์แห่งรักเชื่อมเกี่ยวใจกันและกัน
ย่อมต้องทุกข์ร้อนใจยิ่งนัก
ในครอบครัวของข้าพเจ้าก็เช่นกัน
ไม่ใช่ที่จะราบรื่นด้วยเส้นทางที่โรยด้วยกลีบกุหลาบบนความเชื่อที่มั่นคงไปทั้งหมด
ข้าพเจ้าเป็นทุกข์ใจยิ่งนัก
เหมือนชีวิตจะถูกถาโถมด้วยปัญหาสารพัน
เมื่อสมาชิกคนหนึ่งกำลังมีความเชื่อที่อ่อนแอ สมาชิกอีกคนกำลังหลงทาง
สมาชิกอีกคนกำลังป่วยทั้งกายและใจ
ข้าพเจ้ามองไม่เห็นช่องทางใดเลยที่จะเรียก หรือดึงสมาชิกในบ้านให้กลับมาเหมือนเดิม
จนกระทั่งวันหนึ่ง พระเจ้าได้จัดเตรียมแผนงานของพระองค์ไว้
พระองค์ทรงส่งนายชุมพาที่น่ารักท่านหนึ่ง
เข้ามาพูดคุยสนทนาถึงข้อข้องใจสงสัยที่เกิดขึ้นกับสมาชิกในครอบครัวข้าพเจ้า
จนทำให้ความเชื่อของสมาชิกบางคนหวั่นไหวไป
น่าแปลกใจจริงๆ เป็นเวลาที่ข้าพเจ้าไม่ได้ตั้งตัว
และเป็นเวลาที่ดีที่สุด สวยงามที่สุด และเก็บตกสมาชิกที่กำลังป่วยกายใจได้ครบถ้วนที่สุด
ข้าพเจ้าอัศจรรย์ใจมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยมิได้ตั้งตัว
ขอบพระคุณพระเจ้าที่พระองค์ทรงทันเวลาเสมอ
ข้าพเจ้าไม่ทราบผลที่เกิดขึ้น แต่ข้าพเจ้าก็สัมผัสได้ถึงการเยียวยาทางใจ
เหมือนแพทย์ที่พยากรณ์การเจ็บไข้ได้ป่วยของผู้ป่วยได้ตรงจุดที่สุด
“ไม่มีสิ่งใดที่พระเจ้าทรงกระทำไม่ได้จริงๆ”
..................................... |