“แต่จงดำเนินชีวิตโดยสวมพระเยซูคริสตเจ้าเป็นอาภรณ์

อย่าทำตามความต้องการของเนื้อหนัง”

(โรม 13:14)

มนุษย์มี “สัญชาตญาณ” การอยู่รอด เพราะมนุษย์เป็นสิ่งสร้างที่พระเจ้าทรงรักมาก

พระองค์ประทานสมองที่เลิศล้ำ ความคิดที่ลึกซึ้ง ละเอียดอ่อนให้แก่มนุษย์

เพื่อให้มนุษย์ใช้พระพรทั้งหลายที่ได้รับมานั้น

เป็นประโยชน์ต่อสังคมโลกสืบไป

และด้วยสัญชาตญาณการอยู่รอดนี้เอง

มนุษย์ก็สามารถที่จะหลงออกนอกเส้นทางแห่งพระพรได้ด้วยเช่นกัน

เมื่อมนุษย์หลงระเริงคิดว่าตนเองอยู่เหนือกว่าผู้อื่น

กอบโกยความสุข และการอยู่รอดเฉพาะของตนเอง

กรอบแห่งพระวาจา คำสอนแห่งชีวิต และความรักที่พระเจ้าทรงมีต่อมนุษย์

จึงเป็นเสมือนแม่เหล็กที่จะคอยดึงมนุษย์ไม่ให้ออกนอกเส้นทาง

ไปไกลจนเกินที่จะเดินกลับคืนมาได้

เพราะสัญชาตญาณของมนุษย์มักจะเป็นสัญชาตญาณของการเอาตัวรอด

เพื่อให้ตนเองปลอดภัย

การฝึกฝนที่จะใช้สัญชาตญาณนั้นด้วยความรัก ความเมตตาต่อผู้อื่น

ก็เป็นสิ่งที่ต้องใช้การสละน้ำใจของตน

เอาชนะความต้องการฝ่ายเนื้อหนัง เพื่อชำระให้ฝ่ายจิตวิญญาณขาวสะอาดยิ่งขึ้น

“จงตื่นเฝ้าระวังเถิด

เพราะท่านไม่รู้ว่า นายของท่านจะมาเมื่อไร”

(มัทธิว 24:42)

เมื่อเรากำลังเข้าสู่เทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า

สิ่งหนึ่งที่คริสตชนพึงกระทำคือ การเตรียมจิตใจให้พร้อมอยู่เสมอ

ข้าพเจ้าคิดถึงเมื่อพระสันตะปาปาฟรานซิสได้เสด็จเยือนเมืองไทย

เมื่อวันที่ 20 – 23 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา

สำนักข่าวหลายสำนักได้ลงข่าว  ถ่ายทอดสด 

และกล่าวถึงพระองค์ท่านในฐานะทูตแห่งสันติภาพ

พวกเราคริสตชนชาวไทย และพี่น้องชาวไทยทุกคนที่รักสันติภาพ

ต่างก็มีความชื่นชมยินดีที่ได้ต้อนรับการเสด็จมาของพระองค์ท่าน

เราต่างยืนยันตัวตนของเราเองที่จะคงไว้ซึ่งความรักและสันติภาพ

ตามคำสอนของพระคริสตเจ้าของเรา

ข้าพเจ้าเปิดยูทูปรับฟังข่าวสารของท่านย้อนหลังในวันที่ท่านเสด็จมาแผ่นดินสยามนี้

และรู้สึกสุขใจเมื่อเห็นคอมเม้นหลายๆคอมเม้นใต้คลิปข่าวนั้น

ต่างชื่นชมยินดี และมีสันติสุขในใจที่ได้รับเสด็จพระองค์ท่าน

แต่อย่างไรก็ดี ที่ใดมีสันติสุข มักจะมีมารร้ายเข้ามาก่อกวนและสร้างความขัดแย้งแตกแยก

ในคอมเม้นแห่งสันติ ก็จะมีบางคอมเม้นแห่งความแตกแยกด้วยเช่นกัน

ข้าพเจ้านึกอยากจะเข้าไปต่อกรด้วยสักตั้ง แต่ก็ชะงักจิตอันชั่วร้ายด้วยความโกรธของตน

ไม่ขอเข้าไปข้องแวะให้จิตเราแปดเปื้อนจะดีกว่า

“จงเอาชนะความชั่วด้วยความดี”

(โรม12:21)

เพราะบุคคลเหล่านั้นถูกครอบงำให้เป็นผู้ทำลายสันติ

ในเมื่อเราอยู่ข้างสันติ เราจึงต้องรู้จักที่จะไม่หลงทางเข้าไปในวัฎจักรของความขัดแย้งนั้น

โดยมีคำสอนของพระคริสตเจ้าคอยเติมเต็มชีวิตของเราคริสตชนต่อไป

“แต่จงดำเนินชีวิตโดยสวมพระเยซูคริสตเจ้าเป็นอาภรณ์

อย่าทำตามความต้องการของเนื้อหนัง”

(โรม 13:14)

ดังนั้นแล้วการเข้าไปต่อล้อต่อเถียงกันในโลกโซเชียลเพราะความเชื่อ ความคิดไม่ตรงกัน

จึงเป็นสิ่งที่คริสตชนไม่ควรหลงอุบายของมารร้าย

ที่แฝงเข้ามาเพื่อสร้างความขัดแย้งในทุกรูปแบบ

ทุกคำที่เราตอกกลับ ทุกครั้งที่เราเอาคืน ล้วนสร้างความปีติให้แก่มารร้ายทั้งสิ้น

ข้าพเจ้าต้องคอยเตือนตัวเองอยู่เสมอ ไม่ให้อารมณ์แห่งความชั่วร้ายอยู่เหนือสันติภาพ

และหมั่นตรวจสอบจิตใจตัวเองเสมอว่า

ยังเดินในเส้นทางแห่งพระพร แห่งความรัก และสันติ จริงหรือเปล่า

ขอพระพรแห่งความรักสถิตอยู่กับพวกเราเสมอไป

.....................................