“เรากำชับและเตือนคนเช่นนี้
ในพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้า
ให้ทำงานอย่างสงบ และหาเลี้ยงชีพด้วยน้ำพักน้ำแรงของตนเอง”
(2 เธสะโลนิกา 3:12)
ท่านนักบุญเปาโลได้ให้ข้อคิดสอนใจบรรดาคริสตชน
ให้มีความขยันหมั่นเพียร ทำงานหาเลี้ยงชีพด้วยตนเอง
เพื่อจะได้ไม่เป็นภาระแก่ผู้ใด
ข้าพเจ้าได้รับคำสอนเรื่องการรู้จักอดออมเก็บเงินไว้ใช้ในยามจำเป็น
จากพ่อและแม่ของข้าพเจ้า
ท่านมักจะย้ำลูกๆของท่านเสมอว่า
อย่าเป็นหนี้อะไรใครนอกจากหนี้ความรักเท่านั้น
เมื่ออยากได้สิ่งของสักสิ่งหนึ่ง จงรู้จักที่จะเก็บออมด้วยตนเอง
อย่าเป็นภาระแก่ใคร เพราะผู้อื่นก็มีภาระของเขาเช่นกัน
ข้าพเจ้าจึงเป็นคนหนึ่งที่รู้สึกแย่มากๆ ถ้าต้องบากหน้าไปขอยืมเงินทองของใคร
และไม่เคยคิดจะไปหยิบยืมเงินทองของใครเลย
ในเมื่อเรารู้จักคำว่าเอาใจเขามาใส่ใจเราเราก็จะรู้ว่า
ตราบใดที่เรารู้สึกคับข้องใจเมื่อมีคนมาหยิบยืมเงินทองของเรา
เพราะเราเองก็ใช้อย่างจำกัดจำเขี่ย
เมื่อเราจะไปหยิบยืมเงินของใครก็พึงระลึกไว้ว่า เขาเองก็มีความจำเป็นไม่น้อยไปกว่าเรา
เขาเองก็ออกแรงทำงานด้วยความเหนื่อยยาก
เพื่อจะเลี้ยงดูครอบครัวของเขาไม่ต่างกับเราเลย
หากอยากมีมากก็ให้ทำงานให้มาก อดทนให้เยอะ
กินให้น้อย ใช้จ่ายให้พอควร เที่ยวให้พอเหมาะ อยู่ให้สมฐานะตัวเอง
มีบทเพลงของลูกเสือบทเพลงหนึ่งขับร้องไว้ว่า
“อย่าเกียจคร้านการทำงานนะพวกเรา
งานหนักงานเบาเหนื่อยแล้วเราพักผ่อนก็หาย
ไม่ทำงาน หลบหลีกงานด้วยเกียจคร้านเอาแต่สบาย
แก่จนตายของทำนายว่าไม่เจริญ”
การทำงานหาเลี้ยงชีพตัวเองจึงเป็นกิจกรรมที่ฝึกฝนเราในหลายข้อ เช่น
· ทำให้มนุษย์ได้ใช้พระพรของพระเจ้าตามความสามารถของตนอย่างเต็มที่
· ทำให้มนุษย์รู้คุณค่าของตนเองที่มีต่อผู้อื่น
· ทำให้มนุษย์เห็นคุณค่าของผู้อื่นที่มาเติมเต็มกันและกันให้สมบูรณ์
“จงทำงาน ด้วยน้ำพัก น้ำแรงตน
หมั่นฝึกฝน ตนให้สู้ รู้คุณค่า
แม้นตรากตรำ ลำบาก เพียงกายา
แต่รักษา คุณค่าคน ผลแห่งงาน”
การทำงานถือว่าเป็นกิจกรรมที่ต้องอาศัยทักษะและความรู้สึกมีส่วนร่วม
และเหตุผลโดยหลักๆ ทั่วไปที่มนุษย์โลกต้องทำงานก็เพื่อ
· สนองความต้องการด้านวัตถุเพื่อตนเองและครอบครัว
· สนองความต้องการได้รับการยอมรับจากสังคม
· สนองความต้องการการเห็นคุณค่าของตนเอง
· สนองความต้องการ การมีกิจกรรมร่วมกับผู้อื่น ลดความฟุ้งซ่านทางความคิด
· สนองความต้องการการคิดริเริ่มสร้างสรรค์ผลงาน
ทั้งนี้การทำงานยังสร้างคุณประโยชน์ คือ
· ทำให้สถานภาพชีวิตมีความมั่นคงมากยิ่งขึ้น
· ทำให้เกิดสัมพันธภาพกับบุคคลในสังคม
· ทำให้เกิดรูปแบบ เกิดระเบียบแบบแผน และกฎเกณฑ์ในการดำเนินชีวิต
· ที่สำคัญคือทำให้บุคคลมีคุณธรรมจริยธรรม และศีลธรรมสูงขึ้น
พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ให้ใช้พระพรเพื่อการงานของตนและเพื่อผู้อื่น
แม้การทำงานจะทำให้เรารู้สึกเบื่อหน่าย จำเจ หรือทุกข์ใจ
หรือในบางครั้งเราอาจจะมีสัมพันธภาพที่ไม่ดีนักกับเพื่อนร่วมงานบางคน
แต่หากจะมองเห็นในสิ่งที่ดีของการทำงาน
เราก็จะสามารถตัดสิ่งเลวร้ายที่เกิดขึ้นนั้นออกไปจากการดำเนินชีวิตได้
“ด้วยการยืนหยัดมั่นคง
ท่านจะรักษาชีวิตของท่านไว้ได้”
(ลูกา 21:19)
บทกวีของหลวงวิจิตรวาทการได้เขียนไว้เกี่ยวกับการทำงาน
ซึ่งมีท่อนหนึ่งเขียนไว้ว่า
“ฉันรักงาน รักจริง ยิ่งชีวิต
ถูกหรือผิด อยากจะทำ ให้ถ้วนทั่ว
ถ้าทำผิด ก็เป็นครู อยู่กับตัว
ดีหรือชั่ว ขอให้ ได้ทำงาน”
ดังนั้นแล้ว การทำงานจึงเป็นส่วนสำคัญในการดำเนินชีวิตของมนุษย์
แต่อย่างไรก็ดี การจัดสรรเวลาเพื่อการทำงานและการพักผ่อนอย่างเหมาะสม
ก็เป็นส่วนสำคัญของการดำเนินชีวิตที่มีคุณภาพ
“ผู้ไม่ออกแรงตรากตรำทำงาน
ย่อมพบพานกับความทุกข์ยาก
ผู้ไม่เพียรทนต่อความยากลำบาก
ย่อมถูกพรากออกจากทางพระพร”
..................................... |