“ทุกคนละทิ้งข้าพเจ้าไปหมด

ขออย่าให้พวกเขาถูกลงโทษเลย

มีแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงยืนอยู่เคียงข้าง

และประทานกำลังแก่ข้าพเจ้า”

(2 ทิโมธี 4:16-17)

ท่ามกลางผู้คนมากมาย

แต่วันที่เดียวดายกลับอ้างว้าง

เหมือนยืนเพียงลำพังบนหนทาง

ทุกก้าวย่างทรมานเจียนสิ้นใจ

อยู่กับตนเองเพียงลำพัง

พลันยินเสียงดังจรัสใส

ลูกรักทุกข์ระทมหรือไร

มาเถิดพ่อจะกอดให้บรรเทา

อย่าหวังสิ่งเติมเต็มใดในโลกหล้า

มีเพียงหนึ่งพระเมตตาคลายทุกข์เศร้า

คือพระหัตถ์รักแท้กล่อมเกลา

แนบใจเอาแอบอิงพิงผ่อนคลาย

ทุกครั้งที่ประสบพบเจอปัญหา หรืออุปสรรคของชีวิต

สิ่งหนึ่งที่คอยเตือนใจคือปัญหาจะสอนให้เราสุภาพอ่อนน้อม

ที่จะยอมรับความไม่สมบูรณ์พร้อมของตนเอง

ยอมรับที่จะพึ่งพาพระเป็นเจ้าผู้ทรงชีวิต

สุภาพนบนอบพอที่จะเปิดใจ กางแขน คุกเข่า และขออ้อมกอดแห่งพระเมตตา

เข้ามาช่วยบรรเทา ฟื้นฟู เสริมพลังให้สามารถก้าวต่อไปได้อย่างดี

มีความสุภาพนบนอบพอที่จะเห็นความผิดบาป

ความบกพร่องของตนเพื่อจะได้รู้จักมองคนรอบข้างด้วยความเข้าใจ

“เพราะว่า ผู้ใดที่ยกตนขึ้นจะถูกกดให้ต่ำลง

ผู้ใดที่ถ่อมตนลง จะได้รับการยกย่องให้สูงขึ้น”

(ลูกา 18:14)

คริสตชนถูกเพาะบ่มให้มีใจสุภาพนบนอบ

ถูกสอนให้เห็นผู้อื่นดีกว่าตนอยู่เสมอ

เพราะด้วยความเป็นมนุษย์ที่อ่อนแอ

เรามักไม่พึงใจที่จะเห็นคนอื่นโดดเด่นเกินตนเป็นแน่แท้

และการถูกชื่นชมยกย่อง หลายครั้งก็ทำให้มนุษย์ลืมตัวเอง

ลืมความบกพร่องของตนเอง หลงอยู่กับคำชื่นชมบนโลกนี้

ถ้อยพระวาจาที่ย้ำเตือนให้เรามีใจสุภาพนบนอบ  รับใช้  ยินดีในความสำเร็จของผู้อื่น

ถ่อมตนลงให้มาก จึงเป็นถ้อยพระวาจาที่คอยเป็นกรอบให้คริสตชนไม่หลงระเริงใจ

ไปกับความสำเร็จ ความสำคัญตน หรืออำนาจที่ตนมีจนเกินไป

ข้าพเจ้าจึงระลึกตนเองอยู่เสมอว่า

หากไร้พระองค์ ลูกคงไม่อาจทำสิ่งใด

พระพร ความสามารถที่ข้าพเจ้ามีก็เป็นเพราะพระองค์ประทานให้มา

ความเจริญก้าวหน้าในด้านต่างๆก็เพราะพระองค์ทรงให้โอกาส

ให้ข้าพเจ้าได้พัฒนาตน และคำชื่นชมต่างๆ ก็เป็นธารน้ำใส

ที่พระองค์ทรงมอบให้ในวันอ่อนล้าของชีวิต

หากพระองค์ไม่ทรงอนุญาตให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นในชีวิตข้าพเจ้า

มันก็จะไม่เกิดขึ้น  แต่พระองค์ทรงจัดสรรทุกอย่างให้ข้าพเจ้าตามความเหมาะสม

และทรงสอนให้ข้าพเจ้าใช้ทุกอย่างที่พระองค์ทรงมอบให้เพื่องานของพระองค์

“ผู้ใดเต็มใจรับใช้พระเจ้า

ย่อมเป็นที่ยอมรับของพระองค์

คำวอนขอขอบเขาจะขึ้นไปถึงเมฆ

คำอธิษฐานของผู้ต่ำต้อยทะลุเมฆขึ้นไป

และจะไม่หยุดจนกว่าเขาจะได้รับความบรรเทา”

(บุตรสิรา 35:16-17)

เพราะพระองค์ ทรงเมตตา ข้าต่ำต้อย

ทรงไม่ปล่อย  ข้าไว้  ในดงหนาม

ทรงเอ็นดู  อยู่เคียงข้าง  ข้าทุกยาม

ชีวิตข้า จึงงดงาม เพราะพระองค์

ทุกสิ่งที่ข้าพเจ้ามี  ข้าพเจ้าเป็น และข้าพเจ้าได้รับมา

จึงเป็นพระเมตตาของพระเจ้าผู้ทรงประทานให้ข้าพเจ้าอย่างสมบูรณ์

ข้าพเจ้าอาจจะไม่ได้ร่ำรวยด้วยเงินทอง

แต่ข้าพเจ้าก็ไม่เคยขาดแคลนสิ่งดีใดๆ

ข้าพเจ้าไม่เคยร่ำรวยด้วยอำนาจวาสนา

แต่ข้าพเจ้าก็ไม่เคยขาดแคลนความรัก

จากคนรอบข้างที่พระเจ้าทรงส่งมาเยียวยาข้าพเจ้าทุกคราที่ทุกข์ใจ

มีพระพร มีธารน้ำใส มีพลังกำลังใจคอยเกื้อกูลข้าพเจ้าไม่ขาดสาย

ข้าพเจ้าก็ไม่ขาดแคลนสิ่งใด

อาจารย์ท่านหนึ่งเคยย้ำข้าพเจ้าเสมอให้บอกตัวเองแต่สิ่งที่ดีๆ

เพราะในพระเจ้าเราจะไม่มีสิ่งเลวร้ายใดๆ

หรือหากมนุษย์โลกจะมองว่ามันเลวร้าย แต่มันจะเป็นสิ่งที่ดีสำหรับเราเสมอ

ข้าพเจ้ามีความสามารถ มีความรัก มีพระพร มีทุกสิ่งทุกอย่างที่พรั่งพร้อม

เพราะพระเจ้าผู้ทรงรักและเมตตาข้าพเจ้าเหนือสิ่งอื่นใด

.....................................