“จงประกาศพระวาจา  จงพร้อมสรรพทั้งเมื่อมีโอกาส

และเมื่อไม่มีโอกาส  จงว่ากล่าว  จงตักเตือน

จงให้กำลังใจ  โดยพร่ำสอนด้วยความพากเพียรอย่างเต็มที่”

(2 ทิโมธี 4:2)

จงประกาศพระวาจา....จงให้กำลังใจ....พร่ำสอนด้วยความพากเพียร

ทุกภารกิจแห่งรักล้วนต้องใช้ความพากเพียรอดทนอย่างเต็มที่

เพื่อจะได้บรรลุซึ่งภารกิจนั้น เราต้องเสียสละน้ำใจตนเอง

แม้ว่าภารกิจในการประกาศพระวาจาของข้าพเจ้านั้นอาจจะไม่เข้าถึงคนทุกกลุ่ม

แม้ว่าการพร่ำสอนของข้าพเจ้านั้นอาจจะเข้าไม่ถึงใจของผู้รับ

แต่สิ่งหนึ่งที่ข้าพเจ้าคิดว่าเป็นภารกิจที่กระทำได้ไม่ยากเลย

ก็คือภารกิจแห่งการให้กำลังใจซึ่งกันและกัน

โดยเฉพาะในสังคมปัจจุบันที่ต่างคนต่างดิ้นรนต่อสู้กันสุดแรง

บทเพลงแห่งกำลังใจบทหนึ่งขับขานเอาไว้ว่า

“กำลังใจจากใครหนอ ขอเป็นทานให้ฝันให้ใฝ่

ให้ชีวิตได้มีแรงใจ  ให้ดวงใจลุกโชนความหวัง

กำลังใจจากใครหนอ ขอเป็นทานให้ฉันได้ไหม

ดังหยาดฝนบนฟากฟ้าไกล  ที่หยาดริน  สู่พื้นดินแห้งผาก”

ในวันที่เราทุกข์ท้อเราเองก็ยังต้องการคนเข้าใจ คนส่งมอบกำลังใจ

หรือแค่เพียงอ้อมกอดที่จริงใจ ไม่ต้องพูดกล่าวอะไรก็ได้กำลังใจมากโขแล้ว

ข้าพเจ้ามาทบทวนตัวเองว่า การที่เราให้กำลังใจผู้อื่น บางครั้งมันก็สะท้อนตัวเอง

ว่าตัวเราเองก็ต้องการกำลังใจเช่นกัน

เมื่อข้าพเจ้าให้กำลังใจคนอื่นบางทีวันนั้นอาจจะเป็นวันที่

ข้าพเจ้ากำลังต้องการกำลังใจก็เป็นได้

ข้าพเจ้าเปิดความทรงจำในอดีตจาก Facebook

อันที่จริงมันก็ทำให้ข้าพเจ้าได้ค้นพบสิ่งดีๆ หลายเรื่องจากความทรงจำในอดีต

หนึ่ง คือ มันทำให้ข้าพเจ้าหันกลับไปมองอดีตที่งดงาม

และทบทวนตนเองว่าความงดงามเช่นนั้นข้าพเจ้ายังรักษามันไว้หรือไม่

หรือข้าพเจ้าให้สภาพแวดล้อมที่เลวร้ายทำลายมันไปเสียแล้ว เช่น

รอยยิ้ม  ความเอื้ออารี  ความจริงใจใสซื่อในกิจการและความคิด หรือสิ่งดีอื่นๆก็ตาม

สอง คือ มันทำให้ข้าพเจ้าทบทวนข้อบกพร่องของตนเองในอดีต

และรู้จักถ่อมใจลงว่าตนเป็นคนบาปที่ยังต้องการพระเมตตา

พร้อมที่จะพัฒนาตนเองให้ดีขึ้นมากน้อยเพียงใด

สาม คือ มันทำให้ข้าพเจ้าเห็นพัฒนาการในทุกๆด้านของตนเอง

และเลือกที่จะหยิบเอาสิ่งดีๆ มาใช้ในการดำเนินชีวิตต่อไป

ในอดีตข้าพเจ้าเคยเขียนบทความ บทกลอนที่สะท้อนถึงความรัก

ความจริงใจ  กำลังใจ  ธรรมชาติ  และความละเอียดอ่อนของชีวิต

แต่เมื่อวันเวลาผันผ่านไป ข้าพเจ้ากลับพบว่า

บทกลอน บทความของข้าพเจ้ามันไม่อ่อนโยนเหมือนเช่นเคยเสียแล้ว

ข้าพเจ้าอ่านบทกลอนบทความในอดีตของตนเอง

แล้วกลับมาทบทวนตนเองอีกครั้ง

เพื่อปรับสมดุลชีวิตของตน  ถามตนเองว่าอะไรคือตัวตนที่แท้จริงของข้าพเจ้า

ความซื่อ สดใส ร่าเริง ความเมตตาในสายตา  อ้อมกอดแห่งรัก

กำลังใจในทุกกิจการมันเลือนหายไปจากจิตวิญญาณของข้าพเจ้าหรือ

มันไม่ได้เลือนหายไป มันแค่ถูกละเลยที่จะแสดงออกต่อบุคคล

ภายใต้ภาวะที่เปลี่ยนแปลงของสังคมปัจจุบัน

ในวันที่ ทุกข์ท้อเรายังต้องการกำลังใจ

ในวันที่อิ่มอุ่นไอเรายื่นกำลังใจให้ใครบ้าง

ทุกอ้อมกอดมีคุณค่าในวันที่ใจอ้างว้าง

อย่ามองเมินหมางเมื่อข้างทางยังมีคนทุกข์ใจ

อย่าให้วันเวลาพรากความรักไปจากใจเรา

อย่าให้ความโง่เขลาทำร้ายเราจนสิ้นสดใส

เอาความร่าเริงเป็นปราการส่งรักออกไป

ทุกหยาดหยดกำลังใจต่อชีวิตให้ใครอีกหลายๆคน

ลูกชายคนสุดท้องทำท่าเหงาหงอยในวันใกล้วันเกิดของตนเอง

เมื่อรู้ว่าพ่อแม่และพี่ๆมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูงในช่วงนี้

ปากก็พร่ำบอกแต่ว่า ผมไม่ต้องการของขวัญใดใด

ไม่ต้องการงานเลี้ยงฉลองใดใด

แต่ใบหน้าของลูกชายกลับดูเศร้าหมองหงอยเหงาพิกล

ข้าพเจ้าจึงตกลงกับพี่ๆของเจ้าลูกชายเล็กว่าเราจะเติมพลังใจอย่างไรให้น้องดี

ในขณะที่เรามีทรัพย์อันจำกัด

พี่ๆ ตกลงกันว่าจะเลือกซื้อของขวัญที่มีลักษณะคล้ายๆกันแต่ราคาเบากว่าให้แทน

ข้าพเจ้าก็ถือโอกาสพาเลี้ยงฉลองแบบเบาๆและร้องเพลงอวยพรให้

หน้าตาของเจ้าลูกชายเล็กสดชื่นแจ่มใสขึ้นมาทันที

เมื่อรับรู้ว่าพ่อแม่พี่น้องใส่ใจความรู้สึกของเขา

เหมือนวิญญาณที่หลุดจากร่างไปแล้วกลับเข้าร่างมาอีกครั้ง

บรรยากาศดูช่างสดชื่นแจ่มใสเมื่อสมาชิกในบ้านเติมใจให้กัน

เสียสละให้กันคนละเล็กละน้อย

นี่เป็นเพียงประสบการณ์ในรั้วบ้านหลังน้อยๆหลังหนึ่ง

ที่พ่อแม่พี่น้องยังใส่ใจความรู้สึกต่อกัน

แล้วพระเจ้าจะไม่ทรงใส่ใจชีวิตลูกของพระองค์ที่พระองค์ทรงรักหรือ

พระองค์จะไม่เยียวยา  รักษา เติมกำลังใจให้ลูกของพระองค์ในวันอ่อนล้าหรือ

เมื่อเรามองหากำลังใจจากคนรอบข้าง

บางทีเราก็อาจจะลืมไปว่าแหล่งพลังงานและกำลังใจที่ยิ่งใหญ่ของเราคือพระผู้สร้าง

พระผู้ไถ่กู้ และพระผู้ประทานพระพรนานาประการให้เรา

พระองค์จะไม่ทรงทอดทิ้งลูกที่ยังคอยเซ้าซี้วิงวอนขอจากพระองค์

ให้ต้องกลับไปอย่างสิ้นหวัง

พระองค์จะทรงเติมพลังใจ  กำลังใจ ให้กับทุกๆก้าวของชีวิตเรา

“องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า จงฟังคำที่ผู้พิพากษาอธรรมคนนั้นพูดซิ

แล้วพระเจ้าจะไม่ประทานความยุติธรรมแก่ผู้เลือกสรรที่ร้องหาพระองค์

ทั้งวันทั้งคืนดอกหรือ    พระองค์จะไม่ทรงช่วยเขาทันทีหรือ”

(ลูกา 18:6-7)

.....................................