“ทั้งนี้ก็เพราะบุตรของโลกนี้

มีความเฉลียวฉลาดในการติดต่อกับคนประเภทเดียวกัน

มากกว่าบุตรของความสว่าง”

(ลูกา 16:8)

จงใช้ความร่ำรวยทางโลกอย่างชอบธรรม

เพื่อจะนำไปสู่ความร่ำรวยนิรันดร์ในสวรรค์บ้านแท้ถาวร

สัปดาห์ที่ผ่านมา ข้าพเจ้าได้เตรียมการสอนอุปมาเรื่องเศรษฐีกับลาซารัส

ซึ่งเป็นเรื่องระหว่างเศรษฐีร่ำรวยมากคนหนึ่งกับลาซารัสผู้ยากไร้

ที่อาศัยอยู่หน้าประตูบ้านของเศรษฐีรอเศษอาหารที่เศรษฐีเหลือทิ้งลงมาถึงตน

เมื่อเขาทั้งสองตายลง

เศรษฐีอยู่ในแดนผู้ตายที่ลุกร้อนด้วยเปลวไฟ

แต่ลาซารัสกลับอยู่ในอ้อมกอดของท่านอับราฮัม

เศรษฐีทำสิ่งใดผิดหรือจึงต้องโทษในไฟลุกร้อนนั้น

และลาซารัสทำสิ่งใดจึงได้อยู่ในอ้อมกอดของท่านอับราฮัม

เศรษฐีไม่ผิดในฐานะบุตรของโลกนี้

เพราะเขาใช้จ่ายทรัพย์สินเงินทองเพื่อสร้างความสุขให้แก่ตนเอง

เขาผิดในฐานะที่หากว่าเขาจะเป็นบุตรของสวรรค์

เขาจะต้องไม่ละเลยต่อความทุกข์ยากของลาซารัส

ที่นั่งอยู่ตรงหน้าประตูบ้านของเขาทุกๆวัน

เพราะเขาใช้ชีวิตอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว ในขณะที่มีขอทานคนหนึ่งซึ่งอยู่ต่อหน้าเขา

กำลังเจ็บป่วยทั้งกายและใจ  เขามีทุกอย่างเพียบพร้อมที่จะเอื้อมมือลงไปช่วยเหลือได้

แต่เขาไม่ทำ  เขาละเลยที่จะกระทำกิจการแห่งรักที่ดูจะไร้คุณค่าสำหรับบุตรแห่งโลกนี้

แต่เป็นกิจการแห่งรักที่มีคุณค่าสำหรับผู้ที่เป็นบุตรแห่งฟ้าสวรรค์

............................

บุตรของโลก  เดินตาม  ทางของโลก

ถือลาภโชค  โศกสุข  สนุกสนาน

สะสมทรัพย์  ขยับขยาย   ขายวิญญาณ

ทุกกิจการ  งานอำนาจ  เป็นทาสตน

บุตรสวรรค์  เดินตาม   ทางสวรรค์

พระทรงสรร  งานธรรม  นำฝึกฝน

มิละเลย  เพื่อนผองสุข หรือทุกข์ทน

ผลรักดล  งานบันดาล  บ้านถาวร

......................................

บทสดุดีที่ 113 ข้อที่ 7 ถึง 8 เขียนไว้ว่า

“ทรงยกคนยากจนขึ้นมาจากฝุ่นดิน

ทรงยกคนขัดสนขึ้นมาจากกองขยะ

เพื่อให้เขานั่งร่วมกับบรรดาเจ้านาย

กับเจ้านายแห่งประชากรของพระองค์”

(สดุดี 113:7-8)

ผู้ที่ทุกข์ยากจะได้รับความปลอบประโลมบรรเทา

เพราะเขามีใจสุภาพนบนอบและยอมรับในความทุกข์ยากของตน

ข้าพเจ้าอ่านข้ออธิบายคำสอนหนึ่งในความสุขแท้ 8 ประการ

“ผู้มีใจยากจนย่อมเป็นสุข เพราะอาณาจักรสวรรค์เป็นของเขา”

(มัทธิว 5:3)

และอธิบายความหมายของคำว่า "ยากจน"

ในความหมายของพระเยซูเจ้าหมายถึงการไม่ยึดติดกับสิ่งของๆโลก

แต่มีใจยึดมั่นผูกพันอยู่กับพระเจ้า

คนจนของพระเจ้าจึงไม่ได้หมายถึงคนจนที่ไม่มีทรัพย์สมบัติ

เพราะคนจนที่ยึดติดกับทรัพย์สมบัติจะยังมีใจโลภในสิ่งของต่าง ๆ

และไม่รู้จักเพียงพอที่จะครอบครอง

 คนจนของพระเจ้าเลือกที่จะร่ำรวยทรัพย์สมบัติของสวรรค์ นั่นคือความดีงามของชีวิต

และสำคัญยิ่งคือการแบ่งปันความดีงามนี้ให้เพื่อนพี่น้องรอบข้างด้วย

และสำหรับข้าพเจ้าแล้ว การได้เป็นคนจนของพระเจ้า

กลับทำให้ข้าพเจ้าระลึกถึงนักบุญยอห์น ศิษย์ที่พระเยซูเจ้าทรงรัก

ข้าพเจ้าสัมผัสได้ถึงความรักพิเศษที่พระเจ้าทรงมอบให้

กับคนจนของพระองค์

ผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง มีเมตตาต่อข้าพเจ้าผ่านกิจการมากมายที่ข้าพเจ้าสัมผัสได้

ท่านให้โอกาสข้าพเจ้าในการเจริญเติบโตทุกรูปแบบ

ท่านส่งเสริมข้าพเจ้าทุกวิถีทาง

ท่านมั่นใจในตัวข้าพเจ้ามากกว่าที่ข้าพเจ้ามั่นใจในตนเองเสียอีก

ดังนั้นแล้ว แม้ว่าข้าพเจ้าจะมิได้มั่งมีในทรัพย์สินเงินทอง

แต่ข้าพเจ้าก็ไม่เคยขาดแคลนเพราะข้าพเจ้ามีบุคคลที่พระส่งมา

มีเมตตาและเกื้อหนุนข้าพเจ้าเสมอ

คนจนของพระเจ้าจะได้รับความบรรเทา และการเลี้ยงดู

เพราะพระเจ้าทรงเป็นผู้เลี้ยงดู และข้าพเจ้าก็ไม่ขาดแคลนสิ่งใด

.....................................