“เป็นความจริงที่ว่า ขณะที่ถูกเฆี่ยนตีสั่งสอน
ไม่มีความน่ายินดี มีแต่ความทุกข์
แต่ให้ผลเป็นสันติ และเป็นความชอบธรรม
แก่ผู้ที่ยอมรับการเฆี่ยนตีสั่งสอน เป็นการฝึกฝนตนเอง”
(ฮีบรู 12:11)
เมื่อสมัยที่ข้าพเจ้ายังเป็นเด็กประมาณชั้นประถมปลาย
พ่อและแม่เริ่มอาชีพทำบ่อเพาะพันธุ์กบเพื่อนำกบและลูกอ๊อดกบมาจำหน่าย
ราวๆ 8-10 บ่อ เป็นบ่อปูนทั้งหมด
เมื่อน้ำในบ่อที่เต็มไปด้วยกบ นานเข้าก็เริ่มเป็นขี้ตะไคร่
ดังนั้น บรรดาลูกๆจึงมีหน้าที่ในการจัดการกับขี้ตะไคร่ซึ่งขึ้นหนาแน่นมาก
เพื่อเปลี่ยนน้ำใหม่ให้พ่อแม่พันธุ์กบได้วางไข่
นอกจากหน้าที่ในการขัดขี้ตะไคร่ในบ่อกบซึ่งน่าขยะแขยงมากสำหรับข้าพเจ้า
ก็ยังมีหน้าที่ในการบดปลาทูสดผสมใบโหระพา
เพื่อนำไปวางให้ลูกอ๊อดที่กำลังมีขาพอที่จะไต่ขึ้นมากินอาหารบนไม้ลอยน้ำในบ่อได้
งานที่ช่วงแรกๆข้าพเจ้ากับพี่น้องก็รู้สึกสนุกสนานกับมันดี
แต่เมื่อต้องทำทุกๆวัน ความเบื่อหน่ายก็เริ่มเกิดขึ้น
โดยเฉพาะในวันที่มีเพื่อนชวนไปเล่น หรือมีการ์ตูนสนุกๆรออยู่
แล้วถูกเรียกให้ไปทำหน้าที่ดังกล่าวนี้
จึงเป็นสิ่งที่ขัดใจข้าพเจ้ายิ่งนักในเวลานั้น
ข้าพเจ้าจำได้ว่า วันหนึ่งข้าพเจ้าถูกใช้ให้ไปบดปลาทูสดให้กบ
ในขณะที่ข้าพเจ้ากำลังอยากไปเล่น
ข้าพเจ้าทำหน้ามู่ทู่ก่อนที่จะตัดสินใจเถียงพ่อแม่ออกไปว่า
“น้ำผึ้งไม่ใช่หุ่นยนต์นะ น้ำผึ้งอยากไปเล่น”
สิ้นเสียงการเถียงของข้าพเจ้า พ่อก็ตีข้าพเจ้าไปเสียหลายที
ตกลงวันนั้นก็ต้องบดปลาทูทั้งน้ำตา
และตั้งแต่นั้นมาข้าพเจ้าก็ไม่กล้าเถียงผู้ใหญ่อีกเลย
ข้าพเจ้าย้อนกลับไปคิดถึงเหตุการณ์ในวันนั้นทีไร
ก็รู้สึกขำตัวเอง แต่สิ่งที่ได้มากกว่าความขำในความดื้อนั้น
ข้าพเจ้าก็ได้เรียนรู้ที่จะเป็นผู้มีความอดทนอดกลั้นต่อความยากลำบาก
ความไม่พึงพอใจในเหตุการณ์ต่างๆของชีวิต
ทั้งชีวิตการงาน ชีวิตครอบครัว
และเมื่อข้าพเจ้ามองชีวิตของเยาวชนในยุคปัจจุบัน
ที่บรรดาครู ผู้ปกครองต่างกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า
ค่อนข้างขาดความอดทน ขาดการฝึกฝนด้านการรอคอย
ทำงานแบบจับจด เลือกงานและยึดตนเองเป็นศูนย์กลางจักรวาล
เบื่องานง่าย พยายามหางานที่ตัวเองทำแล้วไม่ลำบาก
งานที่สบายตัวและได้เงินง่ายๆ
โดยเฉพาะเยาวชนในสังคมเมืองที่ไม่ต้องแตะต้องงานบ้าน
หรือไม่ต้องรับผิดชอบสิ่งใดเลยนอกจากการเรียน
เพราะภาระหน้าที่ทุกอย่าง พ่อแม่เป็นผู้จัดการให้เรียบร้อย
เพื่อให้ลูกได้เรียนอย่างเต็มที่
ระบบการศึกษาเองก็เร่งให้อาหารสมองมากกว่าอาหารฝ่ายจิต
สมองมนุษย์แข็งแรงแต่จิตใจกลับอ่อนแอลง
มีกฎระเบียบ จรรยาบรรณมากมายที่เป็นกรอบให้ผู้ปกครองนักเรียน
รวมไปถึงครูอาจารย์ ห้ามเฆี่ยนตี และให้อิสรภาพในการเรียนรู้แก่เด็กและเยาวชน
จนบางทีข้าพเจ้าก็เห็นว่า กฎระเบียบ จรรยาบรรณบางครั้ง
แม้จะเป็นสิ่งที่ดี แต่เมื่อนักการศึกษาต่างคนต่างพยายามป้อนความสบายให้เด็ก
และเปิดโอกาสให้พวกเขาคิด ทำ และเรียนรู้อย่างเสรีภาพ
จนบางทีเราก็ลืมไปว่าพวกเขายังต้องการการถูกเฆี่ยนสอน
เมื่อพวกเขาออกนอกกรอบมากเกินไป
“ลูกเอ๋ย อย่าดูถูกการเฆี่ยนตีสั่งสอนขององค์พระผู้เป็นเจ้า
อย่าท้อถอยเมื่อพระองค์ทรงตำหนิเจ้า
เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเฆี่ยนตีสั่งสอนผู้ที่พระองค์ทรงรัก
และทรงเฆี่ยนตีทุกคนที่ทรงรับไว้เป็นบุตร”
(ฮีบรู 12:5-6)
ดังนั้นแล้วข้าพเจ้าจึงรู้สึกยินดียิ่งนัก
ที่ข้าพเจ้ายังเป็นคนบาปที่พระเจ้าทรงรัก
เพราะทุกครั้งที่ข้าพเจ้าผิดพลาด พระองค์จะยังทรงเฆี่ยนสอนข้าพเจ้า
ผ่านการเตือน ผ่านความผิดหวัง ผ่านความอดทนในเหตุการณ์ต่างๆ
ข้าพเจ้าจึงรับรู้ได้ว่า พระองค์ยังทรงรักและเมตตาข้าพเจ้า
เพราะข้าพเจ้ารู้ว่า บ้านแท้ถาวรของข้าพเจ้ามิใช่ในโลกนี้
ซึ่งหาความสุขแท้ไม่ได้เลย
นอกจากความสุขแท้บนสวรรค์
“จงพยายามเข้าทางประตูแคบ
เพราะเราบอกท่านทั้งหลายว่า หลายคนพยายามจะเข้าไป แต่จะเข้าไม่ได้”
(ลูกา 13:22-30)
จงยอมรับความยากลำบากบนโลกนี้ด้วยความยินดี
เพราะความสุขแท้บนสวรรค์นั้นยิ่งใหญ่กว่านัก
..................................... |