“ท่านทั้งหลายจงคาดสะเอวและจุดตะเกียงเตรียมพร้อมไว้”
(ลูกา 12 :35)
การคาดสะเอวแสดงให้เห็นถึงความพร้อมที่จะทำงาน
เนื่องจากชาวยิวมักนิยมสวมชุดยาว
เมื่อจะทำงานให้ถนัดต้องนำสายประคดหรือเชือกมารัดเอวไว้
พระเยซูเจ้าทรงตักเตือนข้าพเจ้ามีความพร้อมเสมอที่จะทำงานด้วยความกระตือรือร้น
โดยเฉพาะงานประกาศข่าวดีผ่านการแสดงออกด้านความรักและการรับใช้ผู้อื่น
เมื่อข้าพเจ้าปฏิบัติภารกิจที่พระเจ้าทรงเลือกสรรสำหรับข้าพเจ้า
ด้วยความกระตือรือร้นแล้ว
ภารกิจที่ดีเหล่านั้นจะเป็นเสมือนเชื้อน้ำมันตะเกียงนำแสงส่องสว่างให้วิญญาณข้าพเจ้า
เพื่อจะได้ส่องนำทางเข้าสู่พระอาณาจักรสวรรค์โดยไม่พลัดหลงไปไหน
ค่ำคืนหนึ่งในขณะที่ฝนกำลังตกหนัก ลมพายุพัดอยู่ภายนอกบ้านเสียงดังอื้ออึง
ข้าพเจ้ากำลังนั่งทำงานอยู่ในบ้าน จู่ๆ หลอดไฟในบ้านก็กระพริบเปิดๆปิดๆ
สักพักหนึ่งก็กลับคืนสู่สถานการณ์ปกติ
แต่ข้าพเจ้าจำเหตุการณ์เช่นนี้ได้ว่า ถ้าเป็นเช่นนี้ อีกสักพักไฟจะต้องดับแน่นอน
ข้าพเจ้าเริ่มมองหาเทียนและไฟแช็คเพื่อนำมาไว้ใกล้ๆตัวในยามที่ไฟดับ
และก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ สักพักหนึ่งไฟก็ดับลง รอบข้างมืดมิด
ลูกที่กำลังอาบน้ำเริ่มตะโกนเรียกข้าพเจ้าเพื่อขอแสงสว่างในการทำภารกิจของตนต่อไป
ชีวิตของเราก็เช่นกัน ถ้าเราใช้ชีวิตแสวงหาความสุขสบายไปในแต่ละวัน
จนหลายครั้งเราก็ลืมเตรียมจิตวิญญาณของตน
เพราะมัวแต่พะวงแสวงหาความสุขฝ่ายกายในทุกรูปแบบ
สะสมทรัพย์สมบัติฝ่ายกายจนลืมสะสมทรัพย์สมบัติฝ่ายจิต
เตรียมตัวสำหรับความสุขสบายฝ่ายโลกจนลืมเตรียมตัวสำหรับชีวิตฝ่ายวิญญาณ
“จงหาถุงเงินที่ไม่มีวันชำรุด
จงหาทรัพย์สมบัติที่ไม่มีวันหมดสิ้นในสวรรค์”
(ลูก 12:33)
บิดามารดาพยายามสร้างฐานะของตนเพื่อมิให้บุตรหลานต้องลำบาก
พวกเขาพยายามสะสมทรัพย์สมบัติเพื่อให้ลูกหลานอยู่สบาย
เมื่อลูกหลานมีทรัพย์สมบัติเป็นทุนชีวิตแล้ว
พวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องดิ้นรน หรือใช้ความเพียรพยายามเพื่อให้ตนต้องทุกข์ยาก
ความที่ไม่ต้องพยายามดิ้นรนเพื่อให้ตนต้องทุกข์ยากมักนำมาซึ่งความทุกข์ยากที่มากกว่า
เมื่อเขาต้องเผชิญกับปัญหาโดยปราศจากประสบการณ์ความทุกข์ยาก
“เพราะทรัพย์สมบัติของท่านอยู่ที่ใด
ใจของท่านก็จะอยู่ที่นั่นด้วย”
(ลูกา 12:34)
หัวใจของเราคือศูนย์กลางการควบคุมชีวิตของเราเอง
ชีวิตของเราจะสะท้อนภาพลักษณ์ที่มีในจิตใจของเราออกมาให้คนภายนอกได้เห็น
เราจึงต้องเฝ้าระวัง รักษาใจของเราอย่าให้หลงผิดไป
เพราะเมื่อใจเราหลงผิด ก็จะพาให้กายเราปฏิบัติในสิ่งที่ไม่ถูกไม่ควรไปด้วย
และเมื่อใจเราหลงอยู่ในทรัพย์สินเงินทอง พะวงกับทรัพย์สมบัติฝ่ายโลก
กายของเราก็จะกระวนกระวายขวนขวายเพื่อจะหาหนทางสะสมทรัพย์สมบัติเหล่านั้น
นำมาตอบสนองความสุขทางกาย
ถ้าเราบังคับใจเราไม่ได้แล้ว เราก็จะสูญเสียการบังคับกายของตนไปด้วย
เหมือนดังสำนวนไทยที่ว่า “ใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว”
(The mental is the boss. - The body is the servant.)
อย่าให้กายมีอำนาจเหนือจิตใจ เพราะพระเจ้าทรงสร้างจิตใจของเรา
ให้เต็มเปี่ยมด้วยคุณธรรมที่ดีงาม
แต่หากเราปล่อยให้กายเป็นนาย
อำนาจแห่งคุณธรรมฝ่ายจิตใจจะถูกความปรารถนาฝ่ายกายกลืนกินไปเสียสิ้น
ต่อให้มี ทรัพย์สิน และเงินทอง
ก็มิ อาจหมายปอง สวรรค์ได้
เพราะความสุข บนโลกนี้ นำพาไป
สู่ความทุกข์ ที่ยิ่งใหญ่ ในทุกวาร
จงสะสม ทรัพย์สมบัติ ในสวรรค์
คือผลอัน อิ่มเอม เกษมศานต์
หมั่นทำดี มีคุณธรรม นำกิจการ
จักพบพาน บ้านแท้ แห่งวิญญาณ
..................................... |