“แม้แต่ท่านทั้งหลายที่เป็นคนชั่วยังรู้จักให้ของดีๆ แก่ลูก

แล้วพระบิดาผู้สถิตในสวรรค์

จะไม่ประทานพระจิตเจ้าแก่ผู้ที่ทูลขอพระองค์มากกว่านั้นหรือ”

(ลูกา 11:13)

เพราะพระเจ้าทรงพระทัยอ่อนหวานและเมตตาสงสาร

ผู้ที่ทูลขอพระองค์ด้วยความเชื่อพระองค์จะประทานให้ตามความเหมาะสม

เมื่อสมัยเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น

ข้าพเจ้าได้อ่านนิทานบทกลอนเรื่องหนึ่งในวิชาภาษาไทย

ชื่อเรื่อง พ่อแม่รังแกฉัน แต่งโดยท่านพระยาอุปกิตศิลปสาร

ซึ่งเนื้อเรื่องจะเล่าถึงเศรษฐีคนหนึ่งที่มีบุตรที่รักมากดั่งดวงใจ

จะส่งบุตรไปเรียนหนังสือก็สงสารบุตรจะเดินทางลำบาก

จ้างครูมาสอนที่บ้าน บุตรไม่ตั้งใจเรียนก็หาเพื่อนมานั่งเรียนด้วย

พอมีเพื่อนก็พากันเล่นไม่ร่ำเรียนเขียนอ่าน

ครูก็ตีก็ว่า บุตรก็ไปฟ้องบิดาว่าถูกครูทำโทษ

บิดาสงสารบุตรจึงเปลี่ยนครูให้

ไม่มีครูคนใดอยู่ทนเพราะบุตรไม่ร่ำเรียนเป็นที่เอือมระอาของบรรดาครูๆ

จวบจนได้ครูที่ตามใจ อยากเรียนก็เรียนไม่อยากเรียนก็ไม่ต้องเรียน

จึงได้สอนกันยาวนานขึ้น

แต่เมื่อบุตรเติบใหญ่ความรู้ก็ไม่มีติดตัว การงานก็ทำไม่เป็น

เมื่อสิ้นบิดาก็ใช้จ่ายสมบัติที่บิดาสะสมไว้เป็นทุนเดิม

มีเพื่อนฝูงมากมาย ใช้ชีวิตอย่างสนุกสนานบนทรัพย์สมบัติของบิดาตน

เมื่อทรัพย์สมบัติค่อยๆร่อยหรอลง ก็เริ่มนำข้าวของในบ้านออกขาย

จนหมดสิ้นแม้แต่บ้าน สมบัติชิ้นสุดท้ายของบิดา

เพื่อนฝูงก็พากันหนีหายไร้ที่พึ่งพา

ต้องอาศัยศาลเจ้าเป็นที่พักพิง และเที่ยวบอกใครๆว่า

ที่ตนเป็นเช่นนี้เพราะ “พ่อแม่รังแกฉัน”

เรื่องราวพ่อแม่รังแกฉันแม้จะเป็นเรื่องสอนใจมายาวนาน

แต่เราก็ยังพบครอบครัวที่พ่อแม่รังแกลูกอยู่ตลอดมา

ด้วยความรักที่หวังแต่จะให้ลูกสุขสบาย ชดเชยความยากลำบากของตนเมื่อครั้งยังเป็นเด็ก

เราจึงพบว่าเด็กยุคใหม่มักจะขาดความอดทน ขาดความมานะพากเพียร

เพราะทั้งพ่อแม่ และเทคโนโลยี เครื่องอำนวยความสะดวกในปัจจุบัน

ต่างเป็นตัวป้อนนำความอ่อนแอของชีวิตมาสู่เยาวชนมากขึ้นเรื่อยๆ

ดังนั้นแล้ว หากพระเจ้าจะประทานความยากลำบากมาในชีวิตเราบ้าง

ก็เพื่อสร้างสมดุลให้กับชีวิตและโลกมนุษย์ที่เจริญก้าวหน้าอย่างไม่หยุดหย่อน

และกับมนุษย์ที่เดินตามกระแสโลกอย่างไม่หยุดยั้งเช่นกัน

บางทีเหตุการณ์ หรือสถานการณ์ที่ทุกข์ยากในชีวิต

ก็เป็นเสมือนวัคซีนที่พระเจ้าประทานมาให้เราได้เป็นเกราะคุ้มกันปีศาจร้าย

ที่แฝงมาในรูปแบบความเจริญก้าวหน้าบนโลกนี้เช่นกัน

แต่สำคัญยิ่ง พระเจ้าจะไม่ประทานสิ่งที่ยากเกินสำหรับชีวิตของเรา

แต่จะประทานในสิ่งที่เหมาะสมสำหรับเราแต่ละคน

และสิ่งนั้นก็เป็นสิ่งที่ดีที่สุด

“แม้แต่ท่านทั้งหลายที่เป็นคนชั่วยังรู้จักให้ของดีๆ แก่ลูก

แล้วพระบิดาผู้สถิตในสวรรค์

จะไม่ประทานพระจิตเจ้าแก่ผู้ที่ทูลขอพระองค์มากกว่านั้นหรือ”

(ลูกา 11:13)

หากลูกทูล  วิงวอน  พระพรไท้

พระเมตตา  มอบให้  ตามเหมาะสม

หากลูกทูล  ขอสิ่งดี  ที่น่าชม

พระพรพรม  พลิ้วพร่าง  ไม่ห่างไกล

แต่หากลูก  วอนขอ  พะนอสุข

ให้ร้างทุกข์  สุขสดชื่น ระรื่นใส

แต่หากว่า  ความสุข  ทำลูกไกล

จากพระพร  ยิ่งใหญ่  คงไม่ดี

พระทรงโปรด  เมตตา  ประทานให้

ทรงเลือกสรร  รักยิ่งใหญ่  ผ่านทุกข์นี้

ให้ลูกรู้  ตระหนักใจ  ในสิ่งดี

ที่เหมาะสม จากทุกข์นี้  มีพระพร

.....................................