“จงคิดถึงแต่สิ่งที่อยู่เบื้องบน
อย่าพะวงถึงสิ่งของบนแผ่นดินนี้”
(โคโลสี 3:2)
พ่อเล่าว่า เพราะเรามักใช้คำว่า This Land is Mind.
เราจึงทำทุกอย่างเพื่อให้ได้แผ่นดินนี้มาเป็นของเราเพียงคนเดียว
พ่อบอกว่า เราต้องใช้คำว่า This Land is Our.
แล้วเราจะคิดถึงคนอื่นๆด้วยที่เป็นเจ้าของร่วมกัน
เมื่อเราเป็นเจ้าของร่วมกัน เราจะเป็นหนึ่งเดียวกัน ฟังกัน แล้วช่วยเหลือกัน
เพื่อพัฒนาแผ่นดินของเราไปด้วยกัน
เพราะแผ่นดินไม่ใช่ของใครคนใดคนหนึ่งที่จะยึดเป็นเจ้าของเพื่อกดคนอื่นๆลง
แต่เราจะพัฒนาแผ่นดินนี้ไปด้วยกันตามขอบเขตของกฎระเบียบแผ่นดิน
ในหนังสือปัญญาจารย์มีบันทึกไว้เกี่ยวกับการสะสมทรัพย์สมบัติฝ่ายโลก
ซึ่งล้วนนำภัยมาให้แก่ผู้เป็นเจ้าของ
เพราะต่อให้เราขวนขวายแสวงหาทรัพย์สมบัติฝ่ายโลก
หรืออำนาจหน้าที่ของชีวิตมากเท่าใด
สุดท้ายเราก็กลับไปสู่เบื้องบนด้วยตัวเปล่าและความดีงามของที่เรากระทำไว้
ไม่มีใครเลยที่จะบรรทุกอำนาจหน้าที่
หรือทรัพย์สินเงินทองติดตัวไปได้วันสุดท้ายของชีวิต
เหมือนในปัญญาจารย์ที่กล่าวไว้ว่า
“เขาออกมาตัวเปล่าจากครรภ์มารดา ก็จะกลับไปตัวเปล่าอีก
เขาจะนำสิ่งใดซึ่งเป็นผลงานจากความลำบากตรากตรำของตนติดมือกลับไปไม่ได้”
(ปัญญาจารย์ 5:14)
เพราะมนุษย์มีความโน้มเอียงที่จะยึดมั่นถือมั่นในอำนาจ ทรัพย์สินเงินทอง
ที่มนุษย์คิดว่าล้วนได้มาด้วยความยากลำบากของตนเอง
แต่บนความยากลำบากนั้น
บางทีมนุษย์ลืมไปว่าเขาได้กดคนรอบข้างลงเพื่อผลักดันตนเองขึ้นหรือเปล่า
ผลผลิตจากแผ่นดินโลกก็เป็นของแผ่นดินโลก
เราใช้ผลผลิตจากแผ่นดินโลกเพื่อเป็นหนทางทำกิจการดี
“พระเยซูเจ้าเสด็จผ่านไปที่ใด
ทรงกระทำความดี และทรงรักษาทุกคนที่อยู่ใต้อำนาจของปีศาจ”
(กิจการอัครสาวก 10:34)
ดังนั้นแล้ว แบบอย่างของพระเยซูเจ้าที่ทรงกระทำไว้บนแผ่นดินนี้
ก็เตือนสอนใจข้าพเจ้าเสมอ ในวันที่ข้าพเจ้าลืมตัว หลงทาง ผิดพลั้ง หรือหลงระเริง
กับความสวยงาม ความก้าวหน้า หรือสิ่งดีดีที่ได้รับมาจนมากเกินไป
คำชี้สอนและแบบอย่างนี้จะเป็นกรอบคอยปกป้องข้าพเจ้าจากมารซาตาน
ไม่ให้หลงทางออกไปจากหนทางแห่งความจริงของชีวิต
ไม่พะวงถึงสิ่งของบนโลกจนต้องเบียดเบียนผู้อื่น
เพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งของบนโลกนี้
ข้าพเจ้าดูละครเรื่องหนึ่ง ชื่อเรื่องว่า วัยแสบสาแหรกขาด
ซึ่งสะท้อนชีวิตของเยาวชนหลากหลายรูปแบบในวงการศึกษา
เยาวชนหนึ่งในตัวละครนั้น เป็นเด็กออทิสติก
ซึ่งจะสามารถควบคุมอารมณ์และพฤติกรรมตัวเองได้โดยการฟังเพลง และเล่นเปียโน
เมื่อมีสภาพแวดล้อมมาทำให้เขารู้สึกไม่มั่นคง ไม่ปลอดภัย
แต่สิ่งหนึ่งที่ข้าพเจ้าสัมผัสได้จากเด็กคนนี้คือความซื่อและไร้เล่ห์เหลี่ยม
เขาไม่เคยเอาเปรียบใคร
ไม่เคยคิดวางแผนทำร้ายคนที่ทำร้ายเขาและมองทุกคนเป็นมิตรเสมอ
ในขณะที่ผู้สวมบทบาทเป็นครูต่างมองคนละมุมกันในการตัดสินปัญหานี้
บางคนมองในมุมนักวิชาการ ต้องตัดสินจำหน่ายเด็กออทิสติกแยกออกไป
ในขณะที่นักจิตวิทยาเด็กมองว่า มันต้องมีเหตุจากพฤติกรรมที่เป็นฉนวนปัญหานั้น
ซึ่งเด็กออทิสติกไม่สามารถเรียกร้องความยุติธรรมจากการเป็นผู้ถูกกระทำได้
เขาอาจจะถูกล้อเลียนจากเพื่อนเกเร เขาอาจจะกำลังปกป้องตนเองเท่าที่ตนทำได้
แต่เขาไม่มีเล่ห์เหลี่ยมวางแผนทำร้ายใครแน่นอน
ในขณะที่เพื่อนของเขาที่ทำร้ายเขามีสติปัญญาครบถ้วน
พอที่จะใช้สติปัญญานั้นวางแผนเพื่อให้ตนเองพ้นผิดได้
แต่เด็กออทิสติกคนนั้นทำไม่ได้
เพราะเขามีจิตใจแบบเด็กเล็ก พระเยซูเจ้าเคยตรัสไว้ว่า
“เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า
ถ้าท่านไม่กลับเป็นเหมือนเด็กเล็กๆ ท่านจะเข้าอาณาจักรสวรรค์ไม่ได้เลย”
(มัทธิว 18:2)
เด็กเล็กๆ ไม่เคยเรียกร้องที่จะกินจนเกินอิ่ม
เพราะเมื่อเขาอิ่มเขาก็พอ แต่ผู้ใหญ่หละ กินแค่พออิ่มหรือไม่
หรือกินเพื่อกอบโกยใส่ตัวจนเกินพอ
เด็กเล็กๆ ไม่คิดวางแผน ไม่มีเล่ห์เหลี่ยม ไม่ซับซ้อน ไม่ซ่อนคมทำร้ายใคร
ข้าพเจ้าพยายามที่จะสวมความสุภาพนบนอบเช่นเด็กเล็กๆ
แต่สวมความเข้มแข็งที่จะต้องสู้มารซาตานให้ได้อย่างผู้ใหญ่
แม้จะเอนเอียงไปบ้างในบางสถานการณ์ ในบางเหตุการณ์ที่ทำให้ไขว่เขวหลงทางไป
ข้าพเจ้าก็จะภาวนาขอพลังจากพระเจ้า
อย่าให้ข้าพเจ้าต้องผิดพลาดพลั้งไปไกลจนเกินเรียกกลับ
ขอให้ข้าพเจ้าฉลลองการกลับคืนพระชนมชีพของพระคริสตเจ้า
ด้วยความมั่นคงทางจิตใจ
เดินตามหนทาง ความจริง และชีวิตอย่างที่พระคริสตเจ้าทรงดำเนินเป็นแบบอย่าง
เพื่อจะได้เห็นความไม่เที่ยงแท้ของแผ่นดินนี้ชัดเจนยิ่งขึ้น
และสัมผัสได้ว่า สิ่งที่อยู่เบื้องบนคือบ้านแท้ถาวรของข้าพเจ้าเอง
ที่ควรขวนขวายและเดินทางไปให้ถึง
..................................... |