“บัดนี้ก็ขอบอกซ้ำด้วยน้ำตาอีกว่า

หลายคนประพฤติตัวเป็นศัตรูกับไม้กางเขนของพระคริสตเจ้า

ปลายทางของพวกเขาเหล่านั้นคือความพินาศ

พระเจ้าของเขาทั้งหลายคือท้อง

เขาอ้างความน่าละอายมาโอ้อวด

เขาสนใจสิ่งของของโลก

แต่บ้านเมืองของเรานั้นอยู่ในสวรรค์”

(ฟิลิปปี 3:18-20)

กี่ครั้งกี่หนที่ท่านนักบุญเปาโลต้องอดทนประกาศข่าวดี

ท่ามกลางประชาชนที่ดื้อรั้นโดยไม่เคยทดท้อ

ท่านนำประสบการณ์ที่ท่านเคยต่อต้านพระคริสตเจ้ามาเตือนสอน

ประสบการณ์การกลับใจของท่าน

ทำให้ท่านเข้มแข็งมั่นคงในความเชื่อ

ข้าพเจ้ามองดูคริสตชนในปัจจุบัน

คริสตชนที่เรียกตนเองว่าเป็นคริสตชนนอน

กลับใช้ชีวิตบนความเชื่ออย่างเย็นชา

ขาดประสบการณ์ความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างพระคริสตเจ้ากับตนเอง

ความเป็นลูกพระตั้งแต่แรกเกิดมิได้ช่วยให้เขามีสายสัมพันธ์อันลึกซึ้งกับพระเลย

แต่เมื่อมาดูคริสตชนที่เราเรียกว่าคริสตชนยืน

ข้าพเจ้าพบว่า หลายคนมีความเชื่อที่น่าทึ่งมาก

พวกเขามีใจร้อนรน เป็นแบบอย่างยืนยันถึงความเชื่อของตนอย่างเข้มแข็ง

เขาสร้างสายสัมพันธ์ที่ใกล้ชิด ระหว่างตัวเขากับพระเจ้าอยู่เสมอ

และทบทวนชีวิตของตนเองอย่างลึกซึ้งกับพระองค์

นี่ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ใครบางคนกล่าวว่า คริสตชนยืนเข้มแข็งกว่าคริสตชนนอน

อันที่จริงคริสตชนนอนหลายท่านก็มีความเชื่อที่เข้มแข็งมาก

และที่พวกท่านเข้มแข็งได้ก็เพราะพวกท่านใช้ชีวิตใกล้ชิดกับศาสนพิธี

ใกล้ชิดกับพระวาจา  และการสวดภาวนา

ที่สำคัญยิ่ง พวกท่านใช้ชีวิตอย่างเป็นหมู่คณะในพระคริสตเจ้า

ข้าพเจ้าเห็นแบบอย่างเช่นนี้ในชุมชนต่างจังหวัด

ในครอบครัวที่ดำเนินชีวิตตามกรอบคำสอนของพระศาสนจักร

และยึดพระคริสตเจ้าเป็นศูนย์กลางชีวิตเสมอ

เยาวชนหลายคนไม่เห็นความสำคัญของศาสนพิธี

เพราะครอบครัวก็ไม่ได้ให้ความสำคัญนั้น

พวกเขาให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยว การใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย

การสร้างสมสิ่งต่างๆทางโลกมากกว่าการใช้ชีวิตใกล้ชิดกับพระคริสตเจ้า

“จงยึดมั่นในองค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด ท่านที่รักทั้งหลาย”

(ฟิลิปปี 4:1)

บุตรชายนำตารางเรียนมาให้ข้าพเจ้าดู

ตารางเรียนมีคาบเรียนในวันอาทิตย์เช้าไปจนถึงเที่ยง

บุตรชายถามข้าพเจ้าว่า เขาควรจะจัดการอย่างไรกับตารางนี้ได้บ้าง

เพื่อจะได้เข้าวัดวันอาทิตย์ตลอดทั้งเทอมนี้อย่างไม่ต้องกังวลสิ่งใด

ข้าพเจ้าแนะว่าให้ลองหาวัดที่สามารถเข้าได้ในวันเสาร์เย็น หรืออาทิตย์บ่ายดู

สุดท้ายเขาก็สามารถจัดการตารางชีวิตได้

ทั้งตารางชีวิตฝ่ายกายและตารางชีวิตฝ่ายจิต

ตราบใดที่เราผ่อนปรนให้กับตารางชีวิตฝ่ายจิต

เราจะเป็นคนของโลกโดยสมบูรณ์

และนักบุญเปาโลก็เตือนสอนเราว่า คนของโลกจะห่วงแต่เรื่องปากท้อง

คนของโลกจะห่วงแต่การโอ้อวดสิ่งน่าละอาย

คนของโลกจะสนใจแต่สิ่งของของโลก นั่นคือ คำชื่นชม ความยิ่งใหญ่

อำนาจ ตำแหน่ง ความมั่งคั่ง ความสุขสบาย

แต่เราเป็นคนของพระเจ้า บ้านแท้ของเราคืออาณาจักรสวรรค์

ข้าพเจ้าเฝ้าเตือนตัวเองให้ฝึกความนบนอบถ่อมตนให้มากๆ

โดยเฉพาะเมื่อได้รับคำชื่นชม  การส่งเสริม การเยินยอ

หรือการได้รับรางวัลชีวิตใดใดก็ตาม

สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นของของโลกที่เข้ามาในชีวิตเราเพื่อให้เราฝึกความสุภาพนบนอบ

อำนาจ หน้าที่ ตำแหน่ง ความยิ่งใหญ่ก็เช่นกัน

มีไว้เพื่อให้เราฝึกความนบนอบต่อผู้อื่น

เหมือนที่พระเยซูเจ้าเคยสอนว่า

ผู้ใดที่ปรารถนาจะเป็นใหญ่จะต้องทำตนเป็นผู้รับใช้ผู้อื่น”

(มาระโก 10:43)

.....................................