“เราทุกคนต่างได้รับพระจิตเจ้าองค์เดียวกัน”
(1 โครินธ์ 12:13)
ครั้งหนึ่ง บิดาของข้าพเจ้าได้เอารูปครอบครัว
ที่ประกอบไปด้วยสมาชิกในครอบครัวซึ่งได้มาจากการรวมตัวกันในวันครอบครัว
ส่งทำไวนิลผืนโต รวมทั้งสั่งร้านให้ใส่ข้อความหนึ่งลงไป
“ครอบครัวในพระจิตเจ้า”
ข้าพเจ้าเองก็แปลกใจว่าทำไมต้องครอบครัวในพระจิตเจ้า
ทำไมไม่ใส่ชื่อสกุลของครอบครัวใหญ่ของเราลงไป
แต่พระวาจาในวันนี้สะท้อนคำตอบของบิดาของข้าพเจ้าได้ชัดเจนยิ่งนัก
ครอบครัวในพระจิตเจ้า คือการรวมกันของความสมบูรณ์ครบครันที่สุดแล้ว
เพราะเมื่อพระจิตเจ้าคือการรวมกันของร่างกายทั้งครบ
สมาชิกในครอบครัวก็เปรียบเสมือนอวัยวะต่างๆในร่างกาย
ทุกส่วนของอวัยวะในร่างกายต่างเกื้อกูล เอาใจใส่ซึ่งกันและกัน
อวัยวะส่วนใดเป็นทุกข์หรือเจ็บป่วย
อวัยวะส่วนอื่นๆในร่างกายก็ทุกข์และเจ็บป่วยด้วย
พี่น้องในครอบครัวคนใดคนหนึ่งเป็นทุกข์ สมาชิกในครอบครัวทุกคนก็ทุกข์ด้วย
“อวัยวะแต่ละส่วนจะเอาใจใส่ซึ่งกันและกัน”
(1 โครินธ์ 12:25)
ยิ่งไปกว่านั้น หากเรารับรู้อย่างจริงจังว่าเพื่อนพี่น้องบนโลกนี้
ก็เป็นครอบครัวในพระจิตเจ้าร่วมพระบิดาเดียวกัน
เราก็จะใส่ใจกัน ไม่เบียดเบียนกัน และส่งเสริมกันและกันอย่างแท้จริง
ลูกสาวกล่าวกับแม่ว่า โลกเรากำลังลำบากนะแม่
เชื้อโรค ฝุ่นละอองพิษกำลังครอบครองโลกของเรา
เพราะเรามีต้นไม้น้อยมาก ทำอย่างไรเราจึงจะมีต้นไม้มากขึ้น
แม่บอกกับลูกสาวว่า เราก็ต้องเริ่มปลูกต้นไม้ที่บ้านเราก่อนนะ
แม่ปลูกต้นไม้มากมายไว้หลังบ้านไง
ลูกสาวแสดงความคิดเห็นต่อไปว่า
เราปลูกแค่บ้านเดียวโลกก็ไม่เปลี่ยนแปลงหรอกแม่ มันต้องให้ทุกคนปลูกสิ
แม่บอกกับลูกสาวว่า ก็เพราะทุกคนต่างคิดว่า ทุกคนต้องทำ ก็เลยไม่มีคนเริ่มทำไงลูก
ถ้าเราต่างๆคนต่างรับผิดชอบหน้าที่ที่จะรับผิดชอบต่อโลกร่วมกัน
ต่างคนต่างดูแลเอาใจใส่ในส่วนที่ตนมี ตนเป็นให้เพียงพอ
มองที่ตัวเองให้มากขึ้น ก่อนที่จะไปมอง หรือเรียกร้องจากคนอื่น
โลกก็จะสวยงามขึ้นเอง
มนุษย์เรามักมองหาข้อบกพร่องของคนอื่น แล้วก็เอามาติ มานินทา ว่าร้าย
แทนที่จะมองสิ่งที่ตัวเราเองควรจะทำเพื่อผู้อื่น
ถามว่ายากไหมกับการลงมือกระทำในส่วนของตนเองให้ดี
มันก็ไม่ยาก แค่สละตนเองทีละนิดก้าวออกจากตัวเองทำในสิ่งที่เล็กน้อย
แต่เป็นสิ่งเล็กน้อยจากความรักที่ยิ่งใหญ่ของหัวใจเราผู้เป็นลูกพระบิดาแท้จริง
เหมือนคำของนักบุญเทเรซาแห่งกัลกัตตาที่ว่า
“ไม่ใช่เราทุกคนที่สามารถให้ในสิ่งที่ยิ่งใหญ่
แต่เราสามารถให้ในสิ่งที่เล็กน้อย ด้วยหัวใจที่ยิ่งใหญ่ได้”
เมื่อข้าพเจ้าได้รับพระจิตเจ้าในการดำเนินชีวิตแต่ละวัน
ข้าพเจ้าก็มีความตั้งใจที่จะทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด
แม้ว่าร่างกายจะดื้อรั้น เกียจคร้าน เอาแต่ใจตัวเองไปบ้าง
แต่ในทุกๆเช้าวันใหม่ ข้าพเจ้าก็ปรารถนาจะขอพรจากพระจิตเจ้า
เพื่อให้กิจการของข้าพเจ้าในวันนั้นๆ เป็นวันของภารกิจแห่งรักของพระเจ้า
เพราะพระจิตเจ้าทรงเจิมข้าพเจ้าไว้ตั้งแต่แรกเริ่ม
ให้เป็นผู้ประกาศข่าวดี และช่วยเหลือผู้อื่นอย่างเต็มความสามารถ
อย่างเต็มที่ที่ข้าพเจ้าได้รับพระพรนั้นๆมา
มองอะไร ไม่สุขใจ เท่ามองตน
มองผู้คน เพียรเกื้อ ช่วยเหลือให้
มองตนเอง ให้แบ่งปัน สรรน้ำใจ
มองสิ่งใด ให้ฝึกตน เป็นคนดี
..................................... |