“ส่วนเรื่องวันและเวลานั้น

ไม่มีใครรู้เลย ทั้งบรรดาทูตสวรรค์ และแม้แต่พระบุตร

นอกจากพระบิดาเพียงพระองค์เดียว”

(มาระโก 13:32)

เคยรู้สึกไหมว่า เราจะมีชีวิตในแต่ละวันไปเพื่ออะไรกัน

ทั้งๆที่ก็รู้ว่าชีวิตนั้นก็ไม่ยั่งยืน

ดิ้นรนกระเสือกกระสนทุ่มเทกอบโกยทุกสิ่งอย่าง

ไม่ว่าจะอำนาจชื่อเสียง การได้รับการยอมรับ ทรัพย์สินเงินทอง

เราใช้ชีวิตทุกวันเพื่อสร้างความสุขให้ตนเอง

ทั้งๆที่ก็รู้ว่าอนาคตนั้นไม่แน่นอนเลย

หลายคนพยายามจะใช้ชีวิตที่มีอยู่ในคุ้มค่า

ด้วยการทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อให้ตนเองมีความสุข

หลายคนพยายามจะสร้างชื่อเสียงเกียรติยศ

เพื่อว่าเมื่อตายไปแล้วอาจจะมีคนพูดถึง

หลายคนพยายามสร้างความมั่นคงให้ตนเองและครอบครัว

เพื่อความสุขสบายของคนในอนาคต

กี่คนที่เพียรสร้างคุณงามความดี รับใช้ผู้อื่นด้วยใจบริสุทธิ์

กี่คนที่เสียสละตนเองเพื่อคนรอบข้างจะได้มีความสุข

กี่คนที่พยายามบ่มเพาะเมล็ดพันธุ์ความรัก ความดีงาม

เป็นทรัพย์ในใจแก่ลูกหลานแทนทรัพย์สินทางโลก

ลูกสาวถามแม่ว่า แม่คะ

ทำไมพระเยซูเจ้าถึงต้องเรียกร้องให้มนุษย์สละสมบัติชิ้นสุดท้ายของตน

แม่ม่ายลูกติดกับเม็ดเงินเม็ดสุดท้ายที่จะซื้ออาหารกินก่อนจะตายไปกับลูก

ทำไมจึงต้องมีคนมาขอไป ทำไมพระองค์ไม่สงสารหญิงม่ายคนนั้น

ทำไมพระเยซูจ้าจึงในเศรษฐีทิ้งสมบัติของเขาแล้วจึงติดตามพระองค์ไป

แม่เล่าว่า มนุษย์มีความโน้มเอียงไปในทางชั่วได้ง่าย

และทรัพย์สมบัติก็เช่นกัน

มนุษย์มีความโน้มเอียงไปในทางที่ดิ้นรนต่อสู้เพื่อสะสมทรัพย์ทางโลก

เราให้เพียงเศษเงินในการทำทาน เราไม่เคยให้ในส่วนที่เราต้องการแก่ใคร

ถ้าพระเยซูเจ้าจะทรงสอนว่า จะให้เท่าที่มีเถิด

จะมีใครที่พยายามจะเสียสละให้ เพราะเขาก็ยังรู้สึกว่าเขายังมีไม่พอเช่นกัน

ดังนั้น การเสียสละที่จะให้ในสิ่งที่เรามีเป็นสิ่งสุดท้าย จึงเรียกได้ว่าเป็นการให้ที่แท้จริง

และแสดงให้เห็นว่าเราไม่ได้ยึดติดกับสมบัติฝ่ายโลกเลย

ซึ่งมันยากมิใช่หรือ  เพราะมันยาก มันจึงทำให้เราต้องพยายาม

ทางความดีต้องใช้ความพยายาม และชีวิตที่มีก็ต้องใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น

“องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นส่วนมรดกของข้าพเจ้า

และทรงเป็นผู้กำหนดชีวิตของข้าพเจ้า

พระองค์เท่านั้นทรงคุ้มครองชะตาชีวิตของข้าพเจ้าให้ปลอดภัย”

(สดุดี 16:5)

ในวันที่ข้าพเจ้าถูกทาบทามให้ไปศึกษาต่อในระดับปริญญาโท

มีเพื่อนๆบางคนถามข้าพเจ้าว่า แน่ใจหรือที่จะไปเรียน

อายุเยอะแล้วหาความเหนื่อยยากให้ตัวเองหรือเปล่า

ข้าพเจ้าเองก็เก็บกลับมาคิดอยู่เช่นกัน

ทำไมข้าพเจ้าต้องสร้างความเหนื่อยยากให้ตัวเอง

เมื่อจบมาแล้วก็ยังคงเป็นครูที่มีเงินเดือนไม่ต่างจากเดิมสักเท่าไหร่

แต่...เมื่อข้าพเจ้าได้เริ่มเรียน

ข้าพเจ้าจึงรู้ว่า ยังมีอะไรอีกมากมายที่ข้าพเจ้าไม่รู้

และสิ่งที่ไม่รู้เหล่านั้น ล้วนเป็นประโยชน์ต่อเด็กๆซึ่งเป็นอนาคตของชาติจริงๆ

ท่ามกลางความเหนื่อยยาก ข้าพเจ้าเรียนรู้จักที่จะพยายาม

ท่ามกลางความกดดัน ข้าพเจ้าเรียนรู้จักที่จะอดทน

ท่ามกลางความไม่รู้ ข้าพเจ้าเรียนรู้จักที่จะนบนอบ และฝึกค้นคว้าอย่างถี่ถ้วน

ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคตของข้าพเจ้า

พระเจ้าได้ทรงกำหนดไว้หมดแล้วสำหรับชีวิตข้าพเจ้า

**วันและเวลาเป็นขององค์พระผู้เป็นเจ้า

และจิตวิญญาณข้าพเจ้าก็เป็นของพระองค์เช่นกัน

ทุกๆนาทีที่หายใจและได้ลืมตาตื่นขึ้นอีกวัน

ยังรู้สึกขอบคุณที่ทุกวันนั้นพระองค์ยังคงมอบวันเวลาให้เรา**

..............................

S