“ทำใจดีๆ ไว้ ลุกขึ้น พระองค์กำลังเรียกเจ้าแล้ว”

(มาระโก 10:49)

ครั้งหนึ่งในวันที่ข้าพเจ้าแพ้ยาเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร

ข้าพเจ้ารู้สึกแย่และเหมือนจะตายเสียให้ได้

หนาวๆร้อนๆ ปวดหัว อาเจียน เหงื่อออกท่วมตัว

เวลานั้น ยังเป็นเวลางาน

และที่ที่ข้าพเจ้าคิดถึงมากที่สุดคือห้องพยาบาล

ข้าพเจ้าเดินโซเซ พะอืดพะอม ไปขอให้พี่พยาบาลช่วยเหลือ

เธอช่วยข้าพเจ้า ชงน้ำบางอย่างมาให้ดื่ม

เอาทิชชู่มาวางไว้ให้บนหัวเตียง 1 ม้วน

เอาถุงพลาสติกใส่ถังมาวางให้

และเวียนวนดูข้าพเจ้าอยู่เป็นระยะ

ช่วงหนึ่งที่เธอไม่อยู่  เธอไปธุระนอกห้องพยาบาล

ข้าพเจ้ารู้สึกกลัว และรู้สึกไม่ปลอดภัยที่ต้องทนทรมานอยู่คนเดียว

ข้าพเจ้าออกมายืนเกาะประตูห้อง มองหาเธอ

อยากไปไหนก็ได้ที่ที่ทำให้อาการนี้ทุเลาลง

มีพี่ท่านหนึ่งเดินผ่านมา และเข้ามาหาข้าพเจ้า

ถามข้าพเจ้าว่า มีอะไรให้พี่ช่วยไหม

ข้าพเจ้าบอกว่า พี่ช่วยหาพี่พยาบาลให้หนูหน่อยค่ะ

หนูต้องการพี่พยาบาลอยู่ใกล้ๆหนู

ช่วงเวลาที่เรารู้สึกแย่มากๆ ช่วงเวลาที่เรารู้สึกต้องการใครสักคน

เพื่อจะช่วยเยียวยา รักษา เข้าใจ และใส่ใจเรา

เป็นช่วงเวลาที่เราจะเห็นความรัก ความเมตตาที่แท้จริง

พระเยซูเจ้าทรงเป็นความรัก ความเมตตานั้น

เพราะที่ใดที่ผู้เจ็บป่วย ผู้ทุกข์ยากคร่ำครวญหาพระองค์

พระองค์จะทรงประทับอยู่ที่นั่น

พี่พยาบาลท่านนั้นก็เป็นพระฉายาลักษณ์ของพระเยซูเจ้า

แค่อยู่ใกล้ๆก็รู้สึกอุ่นใจ

และถ้าเป็นพระเยซูเจ้าที่ทรงประทับอยู่ตรงนั้นในเวลานั้นหละ

ข้าพเจ้าจะยิ่งรู้สึกปลอดภัย มั่นใจมากมายสักเพียงใดเล่า

“ไปเถิด ความเชื่อของท่านได้ช่วยท่านให้รอดพ้นแล้ว”

(มาระโก10:52)

ชายตาบอดที่พระเยซูเจ้าทรงรักษาเขาให้หาย

ด้วยความเชื่อเขาจึงหาย และกลับมองเห็นได้อีกครั้ง

แต่ดวงใจที่มืดบอดของเรานี่สิ

ยิ่งถ้าเป็นดวงใจที่ไร้ความเชื่อ ความไว้วางใจ และความหวังใจในพระเจ้า

คงจะเป็นดวงใจที่มืดบอดสนิทตลอดกาล

ข้าพเจ้าก็เป็นเหมือนชายตาบอดคนนั้นในอดีต

ที่ปิดดวงตาของดวงใจ เลือกกระทำในสิ่งที่คิดว่ามันเป็นความสุขส่วนตัว

เป็นพวกฟาริสี ที่เอาธรรมบัญญัติมากล่าวอ้างเพื่อให้ตนเองถูกต้อง

ทั้งๆที่มันผิดกฎความรักที่แท้จริง

แต่ถึงกระนั้น พระเจ้าก็ไม่เคยทอดทิ้งข้าพเจ้า

พระองค์ทรงเรียก ทรงเตือน ทรงเยียวยารักษา และฟื้นฟูข้าพเจ้าขึ้นมาใหม่

ชีวิตใหม่ย่อมนำพาไปสู่ความรื่นรมยินดี

และข้าพเจ้าก็จะไม่ให้ดวงตาของดวงใจข้าพเจ้าบอดอีกเลย

“ถูกต้องแล้ว องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงกระทำกิจการใหญ่เพื่อเรา

และเราก็มีความยินดี

ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า โปรดทรงเปลี่ยนสภาพของข้าพเจ้าทั้งหลาย

ให้กลับดีเช่นเดิม  เหมือนธารน้ำบริเวณเนเกบ”

(สดุดี 126:3-4)

มองดูใจ ใครมืดดำ ซ้ำเหินห่าง

อยู่ไกลทาง แห่งพระพร อันยิ่งใหญ่

ไร้ความเชื่อ ไร้ความรัก ที่พักใจ

ไร้ความหวัง อันอำไพ ไร้หนทาง

จงฟังเถิด เสียงพระคริสต์  ลิขิตสั่ง

รับพลัง  เติมความหวัง  อันกระจ่าง

มอบดวงใจ  ให้พระองค์  ทรงนำทาง

ยอมชะล้าง  ความหม่นหมาง  บนทางใจ

..............................

S