“ผู้ใดที่ปรารถนาจะเป็นใหญ่

จะต้องทำตนเป็นผู้รับใช้ผู้อื่น”

(มาระโก 10:43)

บทเพลงหนึ่งร้องขับขานไว้ว่า..

“ขอรับใช้  ชีวิตข้าขอรับใช้

ชีวิตข้าขอมอบให้

โอ้...ข้าเป็นของพระองค์...ของพระองค์”

บางทีข้าพเจ้าก็รู้สึกว่า

ทำไมเราต้องรับบทบาทหน้าที่มากมายบนโลกใบนี้

ยิ่งโตก็ยิ่งมีหัวโขนหลายหัวบนหัวของตัวเอง

อยู่บ้านก็มีบทบาทของความเป็นแม่ของลูกๆ  เป็นภรรยาของสามี

อยู่โรงเรียนก็สวมบทบาทเป็นครูของลูกศิษย์

ถ้าให้กรอกอาชีพตนเองลงเอกสารราชการก็เรียกว่าเป็นลูกจ้างของหน่วยงานทางการศึกษา

พอไปศึกษาต่อก็กลายมารับบทบาทเป็นลูกศิษย์อีกหน

พอรับตำแหน่งสักตำแหน่งก็มีบทบาทเพิ่มขึ้นมาอีก

ทุกบทบาทมีหน้าที่ของมันเอง

บางทีข้าพเจ้าก็รู้สึกทดท้อกับบทบาทมากมายที่ต้องรับไว้

แต่พอข้าพเจ้าย้อนกลับมาคิดว่า

ทุกบทบาทล้วนสร้างคุณค่าให้ชีวิตข้าพเจ้า

แม้มันจะทำให้ข้าพเจ้าเหนื่อยล้า ทดท้อไปบ้างในบางเวลาก็ตาม

แต่หากครั้งใดที่ข้าพเจ้าตั้งใจรับผิดชอบต่อบทบาทนั้นด้วยความรัก

ความเอาใจใส่  จริงใจ และไม่หวังสิ่งใดใดตอบแทน

บทบาทเหล่านั้นกลับส่องแสงสว่างให้ข้าพเจ้ามากยิ่งขึ้น

เป็นพลังให้ข้าพเจ้ารู้สึกมีคุณค่ามากยิ่งขึ้น

แต่....นั่นคือ บทบาทหน้าที่ที่พระเจ้าทรงเห็นมาสมควรสำหรับข้าพเจ้าแล้ว

และพระองค์ทรงมอบบทบาทนั้นให้ข้าพเจ้า

เรียนรู้จักที่จะรับใช้ตามหน้าที่และบทบาทต่างๆให้ดีที่สุด

อย่าเผลอใช้บทบาทหน้าที่นั้นๆ เพื่อทำตามใจตนเอง หรือเพื่อสนองความต้องการของตนเอง

รุ่นพี่ท่านหนึ่ง เธอมีตำแหน่งอยู่ในกลุ่มผู้บริหารของหน่วยงานๆหนึ่ง

ทุกครั้งที่ข้าพเจ้าได้ร่วมงานเลี้ยงสังสรรค์กับเธอ

สิ่งที่ข้าพเจ้าเห็นและสัมผัสได้คือ เธอจะคอยเสริฟอาหารให้คนนั้น คนนี้

คอยดูว่าใครยังไม่ได้รับประทานอาหาร หรือใครขาดเหลืออะไร

ทั้งๆที่ เธอไม่ได้มีหน้าที่ตรงนั้น และเธอก็คงหิวไม่ต่างอะไรกับคนอื่นๆ

ข้าพเจ้าเรียนรู้จักการรับใช้ในแบบของพระเยซูเจ้าจากเธอคนนี้

ข้าพเจ้ามีรุ่นน้องคนหนึ่ง ในวันที่ข้าพเจ้ามารับประทานอาหารเกือบไม่ทัน

เป็นชามสุดท้ายของมื้อนั้นจริงๆ

ในขณะที่ข้าพเจ้าไปตักอาหารชามสุดท้ายนั้น

เธอก็ไม่รินน้ำมาให้ข้าพเจ้า ทั้งๆที่เธอควรจะเข้าไปจองที่นั่งดีดีในงานนั้นได้แล้ว

ข้าพเจ้าเห็นพระเยซูเจ้าผู้มีใจเมตตา และรับใช้ผู้อื่นเสมอ ในตัวน้องคนนี้เช่นกัน

ทีนี้ข้าพเจ้าก็มองย้อนกลับมาดูตัวเอง

ข้าพเจ้าทำหน้าที่ผู้รับใช้ที่ดีมากน้อยเพียงใดสำหรับคนรอบข้าง

เอื้ออาทร มีเมตตา และใส่ใจคนอื่นๆมากพอหรือไม่

ข้าพเจ้าขอบคุณทุกบทบาทหน้าที่ของตนเอง

ขอบคุณแบบอย่างทั้งที่ดีและไม่ดีที่อยู่รายล้อมรอบตัวข้าพเจ้า

ให้ข้าพเจ้าได้เรียนรู้ ได้สัมผัส ได้เลือก ได้นำมาเป็นแบบอย่างชีวิต

ไม่แปลกเลยที่พระเยซูเจ้าตรัสว่า

“สิ่งที่ท่านได้ทำกับพี่น้องต่ำต้อยคนหนึ่ง ก็เหมือนทำสิ่งนั้นกับพระองค์เอง”

และทุกครั้งที่เราพบปัญหา อุปสรรค ความรู้สึกทดท้อในใจ

อันเนื่องมาจากผลของการพยายามเป็นผู้รับใช้ที่ดี

ไม่ว่าจะผลจากการถูกดูหมิ่น  ถูกกดขี่ข่มเหง หรือถูกกระทำอย่างอยุติธรรมก็ตาม

ข้าพเจ้าคิดว่า การยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น การยอมเป็นผู้แพ้

การยอมเป็นผู้รับใช้จะเป็นกำไรที่พระเจ้าทรงบันทึกไว้ในบัญชีสวรรค์ของพระองค์

“องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงประกาศว่า “หลังจากที่เขาประสบความทรมานแล้ว

เขาจะได้เห็นแสงสว่างและจะพอใจ

ความรู้ของผู้รับใช้ที่ชอบธรรมของเรา จะนำความชอบธรรมมาให้คนจำนวนมาก

เขาจะรับความผิดขอบคนทั้งหลานไว้เอง”

(อิสยาห์ 53:11)

ในพระองค์ ข้าพเจ้าจะไม่หลงทางเลย

ในพระองค์ ข้าพเจ้าจะรอดพ้นจากภยันตรายใดใดทั้งสิ้น

และในพระองค์ ข้าพเจ้าจะกลับกลายเป็นผู้ชอบธรรม

แม้ความบกพร่องของข้าพเจ้าจะทำให้ข้าพเจ้าแปดเปื้อนไปบ้าง

แต่พระเมตตาขอพระองค์จะทรงคุ้มกันข้าพเจ้าให้รอดพ้น

จากความเลวร้ายทั้งปวง และคำดูหมิ่นทั้งหลาย

..............................

S