“จงดำเนินชีวิตในความรัก ดังที่พระคริสตเจ้าทรงรักเรา
และทรงมอบพระองค์เพื่อเรา เป็นเครื่องบูชาที่มีกลิ่นหอมถวายแด่พระเจ้า”
(เอเฟซัส 5:2)
ความรักไม่ใช่การเอาใจของเราไปใส่ไว้ในใจของเขา
และความรักก็ไม่ใช่การเอาใจของเขามาเก็บกักใส่ไว้ที่ใจของเราเท่านั้น
แต่ความรักคือการเอาใจของเราและใจของเขามาผสานเป็นใจเดียวกัน
แม้ว่าใจของเราหรือใจของเขาจะไม่สมบูรณ์ มีบาดแผล หรือมีสีหม่นดำก็ตาม
แต่ความรักจะเป็นตัวผสานให้ใจนั้น
รู้จักที่จะเติมเต็มความบกพร่องของใจกันและกันให้สมบูรณ์
นักบุญเปาโลเขียนจดหมายถึงชาวเอเฟซัส
เพื่อเน้นย้ำให้เราเรียนรู้จักการแสดงความรัก
โดยอาศัยพระเยซูเจ้าเป็นแบบอย่างความรักที่งดงามนั้น
และเมื่อพระเจ้าทรงประทานพระจิตเจ้าองค์แห่งความรักมายังเรา
ชีวิตของเราก็มีพื้นฐานความรักที่สวยงาม
แต่เรายังคงคุณค่าความงดงามแห่งความรักนั้นไว้ในกิจการหรือไม่เท่านั้นเอง
และเพราะความรักขจัดความขมขื่น ขุ่นเคือง
และเพราะความรักทำให้ไฟแห่งความโกรธเกรี้ยวมอดดับลงได้
และเพราะความรักทำให้เสียงขู่ตะคอกอย่างเกรี้ยวกราด
กลับกลายเป็นเสียงปลอบประโลมใจ
และเพราะความรักทำให้ถ้อยคำกล่าวร้ายป้ายสี
กลับกลายเป็นถ้อยคำแห่งการหนุนใจ
และเพราะความรักนั้น ล้วนมาจากองค์พระเจ้าผู้ประทับอยู่ในเรา
ตราบเท่าที่เรายังเรียนรู้จักที่จะรักอย่างที่พระองค์ทรงรัก
“จงลองลิ้มดูให้รู้ว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระทัยดี
คนที่ลี้ภัยมาพึ่งพระองค์ย่อมเป็นสุข”
(สดุดี34:8)
คุณแม่เทเรซาแห่งกัลกัตตากล่าวไว้ว่า
“ถ้าเรามัวแต่เอาเวลาไปตัดสินผู้อื่น
เราจะไม่มีเวลาที่จะรักพวกเขาเลย”
ดังนั้น ช่วงเวลาที่คุณแม่เทเรซามีชีวิตอยู่ท่ามกลางความยากแค้นของสังคม
คุณแม่ไม่เคยเสียเวลาไปกับการกล่าวโทษคนรอบข้าง
ที่ทำให้สิ่งต่างๆในสังคมดูเลวร้ายลง
แต่คุณแม่ลงมือกระทำทุกสิ่งทุกอย่างด้วยความรัก
โดยไม่ได้ปริปากพร่ำรำพันบ่นต่อสิ่งใดเลย
ในฐานะความเป็นมนุษย์ เราจะแสดงความรักต่อใครสักคนหนึ่งได้นั้น
ก็ต่อเมื่อใครคนนั้นเองก็พร้อมจะหยิบยื่นความรักกลับคืน
แต่พระเยซูเจ้าทรงเป็นแบบอย่างของความรักที่ยิ่งใหญ่
รักแม้ศัตรู รักแม้ผู้ที่เบียดเบียน รักแม้ผู้ที่คิดร้ายต่อพระองค์
รักแม้จะรู้ว่าจะไม่ได้รับสิ่งใดกลับคืนมาเลยก็ตาม
ลูกจะรัก ให้เหมือน พระองค์รัก
จะปกปักษ์ ความรักแท้ ไม่แปรเปลี่ยน
จะรักแม้ ศัตรู ผู้เบียดเบียน
จะพากเพียร เรียนรู้จัก รักแท้จริง
เมื่อข้าพเจ้ารับพระกายและพระโลหิตของพระคริสตเจ้า
เข้าในชีวิตจิตวิญญาณของข้าพเจ้าแล้ว
พระองค์ก็ทรงรักษาความเจ็บป่วยทางใจของข้าพเจ้าให้หายสิ้นไป
สวมดวงใจแห่งรักทดแทนดวงใจแห่งความอาฆาตแค้น
สวมชีวิตใหม่ที่สดใสทดแทนชีวิตเก่าที่มืดมนหม่นดำ
ข้าพเจ้าจึงพร้อมจะรักให้ได้อย่างที่พระองค์ทรงรัก
เพราะความรักที่แท้จริงนั้นก็ชนะทุกอย่าง
.............................. |