พระองค์จึงตรัสกับเขาว่า
“ท่านทั้งหลายจงมาพักผ่อนกับเราตามลำพัง
ในที่สงัดระยะหนึ่งเถิด”
(มาระโก 6:31)
หน้าห้องอภิบาลของโรงเรียนคาทอลิกติดพระวาจาประโยคหนึ่งไว้ว่า
“ท่านทั้งหลายที่เหน็ดเหนื่อย และแบกภาระหนักจงมาพบเราเถิด
เราจะให้ท่านได้พักผ่อน จงรับแอกของเราแบกไว้
และมาเป็นศิษย์ของเรา เพราะเรามีใจสุภาพอ่อนโยนและถ่อมตน
จิตใจของท่านจะได้รับการพักผ่อน
เพราะว่าแอกของเราอ่อนนุ่มและภาระที่เราให้ท่านแบกก็เบา”
(มัทธิว 11: 28-30)
เพื่อนพี่น้องจำนวนมากมายที่กำลังแบกภาระหนักทั้งทางกายและจิตใจ
พวกเขากำลังต้องการหาที่ระบาย
พวกเขากำลังต้องการความรัก ความเข้าใจจากผู้ที่บรรเทาใจเขาได้
หลายต่อหลายครั้งที่ความรู้สึกอัดอั้นตันใจของเรา
ถูกระบายลงไปในโลกโซเชียล
ทั้งๆที่เราก็ไม่รู้ว่ามันช่วยอะไรได้บ้าง
ข้อความที่ถูกระบายลงไปในโลกโซเชียล ล้วนมีผลลัพธ์ทั้งสิ้น
สำหรับผู้ที่เอื้อเอ็นดูเรา ก็จะเข้ามาปลอบประโลมเรา
แต่สำหรับบุคคลที่มิได้พึงใจต่อเรา
ข้อความเหล่านั้นอาจย้อนกลับมาทำร้ายเราได้ด้วยเช่นกัน
พระเยซูเจ้าทรงเป็นองค์ความรัก ความเมตตาที่แท้จริง
ทุกครั้งที่เราทดท้อต่อปัญหาและอุปสรรคต่างๆ
ผิดหวังต่อบุคคลรอบข้าง
หรือเหนื่อยล้าจากชีวิต และภาระการงานทั้งหลาย
บุคคลที่เราสามารถระบายได้และปลอดภัยที่สุดคือองค์พระคริสตเจ้า
ผู้ทรงเป็นองค์ความบรรเทาให้กับบรรดาลูกแกะผู้น่าสงสารของพระองค์
“องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเลี้ยงดูข้าพเจ้าอย่างผู้เลี้ยงแกะ
ข้าพเจ้าจึงไม่ขาดสิ่งใด
พระองค์ทรงให้ข้าพเจ้านอนพักอยู่ในทุ่งหญ้าเขียวขจี
ทรงนำข้าพเจ้าไปริมสายนทีที่เงียบสงบ
เพื่อฟื้นฟูจิตใจของข้าพเจ้า”
(สดุดี 23:1-2)
ทุกครั้งที่ข้าพเจ้ารู้สึกว่า ชีวิตช่างยุ่งวุ่นวายเสียเหลือเกิน
และจิตใจข้าพเจ้าก็ไม่สงบเอาเสียเลย
ข้าพเจ้าเรียกร้องหาธรรมชาติอันสงบร่มเย็น
เรียกร้องหาที่สงัดเพื่อพักจิตใจให้ผ่องใส ไม่มัวหมอง
ดังนั้น ข้าพเจ้าจึงต้องเรียนรู้ที่จะรับผิดชอบภาระหน้าที่การงานของข้าพเจ้าให้เต็มที่
และในขณะเดียวกัน ข้าพเจ้าก็ต้องจัดสรรวันเวลาที่พอเหมาะพอควร
เพื่อสงบเงียบให้กับตนเองในแต่ละวันด้วยเช่นกัน
ข้าพเจ้าเคยบ่นกับตัวเองว่า
ในขณะที่ภาระงานนอกบ้านในหน้าที่ก็ยังต้องกระทำเพื่อเลี้ยงชีพ
ภาระงานในบ้านฐานะแม่บ้านก็ยังต้องทำ
ภาระงานความเป็นญาติพี่น้องของครอบครัวใหญ่ก็ยังมี
ข้าพเจ้าจะจัดสรรเวลาได้อย่างไรเล่าให้ตนเองได้มีมุมสงบนั้น
ข้าพเจ้าก็คิดถึงข้อความหนึ่งที่ว่า
“ทำในสิ่งที่รัก และรักในสิ่งที่ทำ
รวมไปถึง ถ้าเราทำในสิ่งที่รักไม่ได้เสียแล้ว
เราก็จำเป็นต้องรักในสิ่งที่ทำเถิด แล้วเราจะทุกข์น้อยลง”
เมื่อเรารักในสิ่งที่ทำ ทุกภาระงานนั้นก็เป็นช่วงเวลาที่ผ่อนคลาย
เพราะเราจะกระทำด้วยใจที่อิ่มเอมอย่างเป็นสุข
ทั้งเมื่อเราหลีกเลี่ยงที่จะไม่กระทำไม่ได้แล้ว
เราก็จงทำให้เต็มที่ และที่เหลือที่อาจจะดูไม่สำเร็จนั้น
พระเจ้าจะเป็นผู้กระทำให้มันผ่านไปอย่างราบรื่นจริงๆ
เพราะว่าไม่มีอะไรที่พระเจ้าทรงกระทำไม่ได้
“แม้ข้าพเจ้าจะต้องเดินในหุบเขาที่มืดมิด
ข้าพเจ้าก็จะไม่กลัวอันตรายใดๆ
เพราะพระองค์ทรงอยู่กับข้าพเจ้า”
(สดุดี 23:4)
…………………………. |