“มีแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงยืนอยู่เคียงข้าง
และประทานกำลังแก่ข้าพเจ้า เพื่อการประกาศข่าวดี
จะได้สำเร็จไปโดยทางข้าพเจ้า”
(2 ทิโมธี 4:17)
ในวันที่ข้าพเจ้ารู้สึกทดท้อกับภาระหน้าที่การงาน
และผิดหวังกับถ้อยคำของบุคคลบางคนรอบกายข้าพเจ้า
ผนวกกับสุขภาพร่างกายที่เหมือนจะอ่อนแอตามลงไปด้วย
ข้าพเจ้ารู้ตัวเองดีว่า ในเวลาเช่นนี้ ข้าพเจ้าควรหยุดและถอยหลังออกมาสักก้าวหนึ่ง
ไตร่ตรองตนเองและปล่อยวางบางอย่างลงบ้าง
งานของพระเจ้าที่ผ่านมือและสมองของข้ารับใช้ของพระองค์
เหมาะสมและเป็นไปตามที่พระเจ้าเห็นสมควร
แต่มนุษย์อย่างข้าพเจ้ามักจะสวมบทบาทเข้าไปเป็นเจ้าข้าวเจ้าของภาระงานนั้นเอง
ใช้สิทธิเกินความเป็นผู้รับใช้ที่ต่ำต้อยของพระเจ้า
พระองค์เพียงแค่อยากจะเตือนข้าพเจ้าว่า ข้าพเจ้าควรจะใช้ชีวิตให้ช้าลงกว่านี้
ทำงานของพระองค์ด้วยความรอบคอบและอ่อนโยนต่อผู้อื่นมากกว่านี้
ถึงกระนั้น พระองค์ก็ยังทรงยืนเคียงข้างข้าพเจ้า
ในทุกครั้งที่พระองค์ตีสอน พระองค์ก็ยังทรงปลอบโยนข้าพเจ้า
ผ่านมืออุ่นๆรอบกายข้าพเจ้าหลายต่อหลายมือ
ข้าพเจ้าไม่เคยจมอยู่กับความทดท้อนานเกินควร
เพราะการจมอยู่กับความทดท้อนานเกินไป
จะทำให้หัวใจของข้าพเจ้าเหี่ยวแห้งและไร้ความสดชื่น
ข้าพเจ้าหลับตาลงทีไร ก็นึกถึงแต่เสียงสายธารรินไหล
น้ำตกเย็นชื่นใจ ป่าเขาลำเนาไพรที่งดงาม
กระหายหาอยากจะไปเอนกายลงนอนหลับตาฟังเสียงธรรมชาติกล่อมให้หลับฝันดี
แต่ ชีวิตไม่ได้เพียงแค่แสวงหาความสุขสบายส่วนตนเท่านั้น
ข้าพเจ้ายังโชคดีที่ยังได้มีโอกาสเหล่านั้นบ้าง แม้จะไม่ได้มากมายก็ตาม
แต่อีกหลายชีวิตที่ไม่มีแม้แต่โอกาสนั้นเลย
ไม่มีแต่ความความใฝ่ฝัน ความหวังในชีวิตเลย
จงใช้ชีวิตเพื่อเป็นแบบอย่างแก่คนรอบข้างเถิด
ทุกๆครั้งที่เข้ารับการอบรมครูคาทอลิก
สิ่งหนึ่งที่ข้าพเจ้าได้รับฟังอยู่เสมอคือ การเป็นแบบอย่างแก่คนรอบข้าง
ให้กิจการของท่าน บอกเล่าเรื่องราวของพระคริสตเจ้า
“จงประกาศความยิ่งใหญ่ขององค์พระผู้เป็นเจ้าร่วมกับข้าพเจ้าเถิด
เราจงโห่ร้องถวายชัยแด่พระนามของพระองค์พร้อมกัน”
(สดุดี 34:3)
กิจการ งานใดใด ให้ก่อเกิด
เป็นการเทิด -ทูนพระเจ้า ผู้ยิ่งใหญ่
ทุกกิจการ มีพระองค์ นำทางไป
หนทางใด ให้พระองค์ ทรงชี้นำ
ข้าพเจ้าได้เรียนรู้ถึงประวัติของท่านนักบุญเปาโล อัครสาวก
สิ่งหนึ่งที่ทำให้ข้าพเจ้าได้รับรู้และตระหนักในใจอยู่เสมอคือ
ความมุ่งมั่น แน่วแน่ กล้าหาญของท่านในการทำงานประกาศข่าวดีขององค์พระเจ้า
ท่านนักบุญเปาโลถือเป็นแบบอย่างของผู้ประกาศข่าวดีด้วยชีวิต
ทุกกิจการของท่านสรรเสริญองค์พระคริสตเจ้า
ผู้ที่ท่านเคยเบียดเบียน และข่มเหงอย่างหนักเมื่อครั้งที่ท่านนับถือศาสนายิว
ข้าพเจ้าย้อนกลับมาคิดถึงคริสตชนหลายคนที่หลงทางไป
เพราะเหตุการณ์ในชีวิตของพวกเขาที่ชักชวนให้เขาเสียความเชื่อนั้นไป
รวมไปถึงความอ่อนแอฝ่ายจิต ที่เมื่อถูกการกระตุ้นทำร้ายจากคนรอบข้าง
ก็พลันทำให้เขาเหินห่างจากพระเจ้าไปเสีย
การทำให้ใครสักคนหนึ่งกลับมาหาพระเจ้านั้นไม่ใช่ง่ายๆเลย
แต่สิ่งที่ง่ายกว่าคือ ยอมให้พระเจ้าทำงานในตัวเรา
และถ่ายทอดตัวเราที่มีพระเจ้าประทับอยู่ไปให้เขาสัมผัสถึง
ให้เขาสัมผัสถึงอย่างสม่ำเสมอ
ข้าพเจ้ากำลังพยายามทำเช่นนั้นอยู่เหมือนกัน
“จงจับตาดูพระองค์แล้วใบหน้าของท่านจะสดใส
ไม่มีวันจะต้องอับอายเลย
คนยากจนร้องทูล องค์พระผู้เป็นเจ้าก็ทรงฟัง
ทรงช่วยเขาให้รอดพ้นจากความคับแค้นทั้งหลาย”
(สดุดี 34:5-6)
…………………………. |