“ลูกที่รักทั้งหลาย ข้าพเจ้าเขียนเรื่องนี้ถึงท่าน

เพื่อท่านจะได้ไม่ทำบาป   แต่ถ้าใครทำบาป  

เรายังมีทนายแก้ต่างให้เฉพาะพระพักตร์ของพระบิดา

คือพระเยซูคริสตเจ้า ผู้ทรงเที่ยงธรรม”

(1 ยอห์น 2:1)

เมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมานี้

อาจารย์ท่านหนึ่งนัดนักศึกษาเพื่อเข้ารับฟังการทำวิทยานิพนธ์ของรุ่นพี่

อาจารย์ต้องการให้นักศึกษารุ่นน้องได้เข้ารับฟังด้วย

แต่วันนั้นข้าพเจ้า และเพื่อนกลุ่มหนึ่งติดธุระ

จึงขออาจารย์ประจำวิชาอีกท่านหนึ่งกลับก่อน

เมื่อถึงเวลานัดหมาย อาจารย์ผู้นัดหมายไม่พอใจกับจำนวนนักศึกษาที่เข้ารับฟัง

และเหมือนจะมีปัญหาบานปลายตามมาด้วย

หลังทราบข่าวข้าพเจ้ารู้สึกไม่สบายใจ กระวนกระวายใจ

พยายามติดต่ออาจารย์ประจำวิชาเพื่อให้ท่านช่วยพูดแก้ต่างให้ ก็ติดต่อไม่ได้

จนกระทั่ง ตัวแทนเพื่อนที่เข้ารับฟังส่งข่าวมาอีกครั้งหนึ่ง

ว่าอาจารย์ประจำวิชาที่ข้าพเจ้าขอลาไว้ เข้ามาในห้องแล้ว

และอธิบายแก้ต่างให้บรรดานักศึกษาที่ติดธุระอย่างดีมาก

ข้าพเจ้าจินตนาการไปถึงพระเอกขี่ม้าขาวมาแต่ไกล

มาช่วยชีวิตข้าพเจ้าไว้ได้ในครั้งนี้

พระวาจาในวันนี้ก็เช่นกัน

ที่ทำให้ข้าพเจ้ามั่นใจว่า ตราบใดที่ข้าพเจ้ายังมีความเชื่อ

 ความหวัง และความรักในพระเจ้า

พระเยซูเจ้า พระบุตรของพระเจ้า

พระองค์จะทรงเป็นทนายแก้ต่างความผิดบาปของข้าพเจ้า

ต่อพระบิดาเจ้าในวันที่ข้าพเจ้าต้องไปอยู่เฉพาะพระพักตร์พระองค์

ในวันที่ความประพฤติผิดชอบชั่วดีบนโลกใบนี้ถูกคลี่กางออกอย่างเปิดเผย

วันที่ข้าพเจ้ามองหาพระเมตตาของพระเจ้าที่ทรงมีต่อข้าพเจ้าอย่างตื่นเต้น

เหมือนที่ข้าพเจ้าหวาดหวั่นและต้องการที่ลี้ภัยในช่วงเวลาคับขัน

“ข้าแต่พระเจ้าผู้ทรงพิทักษ์สิทธิของข้าพเจ้า

โปรดตรัสตอบข้าพเจ้าเถิด เมื่อข้าพเจ้าร้องหาพระองค์

ยามข้าพเจ้าตกอยู่ในอันตราย

พระองค์ทรงช่วยข้าพเจ้าให้ปลอดภัย

โปรดทรงเมตตาสงสารข้าพเจ้า

และทรงฟังคำอธิษฐานภาวนาของข้าพเจ้าเถิด”

(เพลงสดุดี 4:1)

ช่วงเทศกาลปัสกาเป็นช่วงเวลาแห่งความชื่นชมยินดี

เป็นช่วงเวลาแห่งฟ้าใหม่แผ่นดินใหม่ของวิญญาณ

ข้าพเจ้าได้รับหน้าที่การงานใหม่ในช่วงเวลาแห่งพระพร

ข้าพเจ้าไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร

หน้าที่ใหม่นี้จะเหมาะสมกับข้าพเจ้าหรือไม่

ข้าพเจ้าจะดำเนินชีวิตอยู่ในสภาพแวดล้อมใหม่นี้ได้ไหม

ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นความลางเลือนที่มองไม่ชัดเจนเอาเสียเลย

แต่ข้าพเจ้าก็มั่นใจว่า

ในทุกก้าวเดินของข้าพเจ้า หากข้าพเจ้าไว้วางใจในพระเจ้า

พระองค์จะไม่ทรงทอดทิ้งให้ข้าพเจ้าต้องต่อสู้เพียงลำพัง

ในความหวาดกลัว ในความลังเลสงสัย พระองค์จะให้ความชัดเจน

ความชัดเจนในเวลาที่เหมาะสมกว่า

ข้าพเจ้า ไว้วางใจ ในพระเจ้า

ผู้คอยเฝ้า  ดูแลข้าฯ คราอ่อนล้า

แม้เคลือบแคลง  สงสัย  ในบางครา

พระเมตตา  จะหลั่งมา เป็นพระพร

ข้าฯจะก้าว  ไปข้างหน้า  ด้วยหน้าที่

นำข่าวดี  ของพระเจ้า  นำคำสอน

ไปท่ามกลาง  ประชาชน  คนสัญจร

เพราะมีพระ เอื้ออาทร  ทุกตอนไป

………………………….

S