เช้าตรู่  ในวัน  ต้นสัปดาห์

ที่พระ  คูหา แสนโศกศัลย์

ไร้ร่าง  พระอาจารย์  ทรงธรรม์

มีเพียง ผ้าพัน  พับวาง

โอ้พระ เยซู  พระเจ้าข้า

โปรดเสด็จ กลับมา  ไม่ห่าง

ลูกนี้  จะถวาย  พลีวาง

ดวงใจ  บางๆ  ที่บาทองค์

…………………

พระคูหาที่ว่างเปล่าทำให้ข้าพเจ้าเห็นถึงแสงสว่าง

ที่รอดเข้าไปในพระคูหานั้น

ในยามที่หินถูกเคลื่อนออกไปจากปากพระคูหา

พระเยซูเจ้าทรงเป็นความสว่าง

ผู้ที่อยู่ชิดสนิทกับพระองค์จะไม่เดินในทางที่มืดมิดเลย

แสงสว่างจะสาดส่องเข้าไปยังทุกถิ่นที่ที่พระเยซูเจ้าประทับอยู่

ในยามที่ดวงใจของข้าพเจ้าปิดสนิท

ความมืดมิดเข้ามาเยือน

ความทดท้อ อ่อนล้า  สิ้นหวังคืบคลานเข้ามาท่ามกลางความมืด

ความมืดที่ปีศาจร้ายคอยหมายมุ่งจะตะครุบเอาวิญญาณข้าพเจ้าไปเสีย

แต่ตราบใดที่ข้าพเจ้ายังมีความเชื่อ ความหวัง และความรักในพระเจ้า

แสงสว่างแห่งชีวิตของลูกแม้จะริบหรี่แต่มันจะไม่มืดดับไป

มันจะกลับมาลุกโชติช่วงอีกครั้งหนึ่งอย่างสวยงาม

“เขานำองค์พระผู้เป็นเจ้าไปจากพระคูหาแล้ว

พวกเราไม่รู้ว่าเขานำพระองค์ไปไว้ที่ไหน”

(ยอห์น 20:2)

วันนี้ เซอร์เวโรนิกา  ประราศรี  มาเยี่ยมเยียนห้องคำสอน

และทักทายพูดคุยถึงภาพติดกระจกในห้องคำสอนที่เกี่ยวกับธรรมล้ำลึกปัสกา

เซอร์ชวนพูดคุยถึงธรรมล้ำลึกปัสกาว่าหมายถึง

การรับทรมาน  สิ้นพระชนม์และกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูเจ้า

เซอร์สอนว่า เราเองก็ต้องยึดเอาธรรมล้ำลึกปัสกานี้มาเป็นชีวิตเช่นกัน

ในขณะที่เรายังอยู่บนโลกนี้ เราต้องยอมรับความทุกข์ทรมานในชีวิต

และหากเราสามารถเอาชนะความทุกข์ยากนี้ไปได้

จนถึงวันตาย เราก็จะได้กลับคืนชีพพร้อมกับพระคริสตเจ้าเช่นกัน

แบบอย่างของพระเยซูเจ้าสอนใจเราให้รู้จักที่จะยอมรับ

และยินยอมที่จะให้ความทุกข์ยากเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต

การยอมรับความทุกข์ยากก็เป็นความทุกข์เช่นกัน

เพราะมันทำไม่ใช่ง่ายเลย

แต่การยินยอมที่จะอยู่กับความทุกข์ยากนั้น

กลับให้คุณมากกว่าผลของความทุกข์เสียอีก

เพราะสิ่งที่เรารอคอยคือชีวิตนิรันดร ความสุขแท้นิรันดร

ที่ต้องผ่านการหล่อหลอมจากความทุกข์ยากจนได้รับชัยชนะนั้น

เหมือนที่พระเยซูเจ้าทรงได้รับในธรรมล้ำลึกปัสกา

“พระหัตถ์ขวาขององค์พระผู้เป็นเจ้าชูขึ้น

พระหัตถ์ขวาขององค์พระผู้เป็นเจ้ามีชัยชนะ

ข้าพเจ้าจะไม่ตาย ข้าพเจ้าจะมีชีวิตอยู่

และจะประกาศพระราชกิจยิ่งใหญ่ขององค์พระผู้เป็นเจ้า”

(สดุดี 118 :16-17)

………………………….

S