“ข้าพเจ้าเป็นผู้รับใช้ขององค์พระผู้เป็นเจ้า

ขอให้เป็นไปกับข้าพเจ้าตามวาจาของท่านเถิด”

(ลูกา 1:38)

.............................

อยากสุภาพ  นบนอบ  ยอมมอบจิต

มีชีวิต   ติดตาม  พระประสงค์

เหมือนพระแม่  มารีย์   ที่มั่นคง

ยอมมอบองค์  ดำรงตาม   น้ำพระทัย

กี่ทุกข์ยาก  ตรากตรำ  ซ้ำรอยร้าว

แม่ยังก้าว  ไปเบื้องหน้า  ไม่หวั่นไหว

ท่านยอแซฟ  เคียงข้าง  ไม่ห่างไกล

มุ่งสู่เมือง  ที่ร้างไร้  ให้พักพิง

แม่วางใจ  ในพระเจ้า  เท่าชีวิต

แม้เบื้องหน้า  จะมืดมิด  ไปทุกสิ่ง

แต่ความไว้  วางใจ  ไม่ไหวติง

แม่จึงมอบ  ทุกสิ่งไว้  ในพระองค์

ณ เมืองน้อย  เบธเลเฮม  เต็มพระพร

เสียงรำฟ้อน  อ้อนเอื้อน  ไม่เบือนหลง

เทพเทวา  ขับบรรเลง  เพลงแห่งองค์

กุมารน้อย  ผู้ทรง  บังเกิดมา

ทูตสวรรค์    ณ ชั้นฟ้า   มาร่ายรำ

เป็นลำนำ  ล้ำเลิศ  เพริศคุณค่า

พระกุมาร  องค์น้อย  บังเกิดมา

พันกายา  ด้วยผ้า  แสนอุ่นกาย

สองมือแม่  มารีย์  ปรานีกล่อม

โอบถนอม  พระกุมาร  ไม่ห่างหาย

อ้อมอกอุ่น  ให้แอบอิง  รับกลิ่นอาย

แม่ถวาย  กายใจ  ให้พระองค์

....................................

บนความสุภาพอ่อนโยนและนบนอบของแม่มารีย์

กลับมีความแข็งแกร่งในการดำเนินชีวิตอย่างมั่นคงในความเชื่อ

ความไว้วางใจโดยปราศจากความหวั่นกลัวใดใดเลย

ข้าพเจ้ามองบทบาทของพระแม่มารีย์ด้วยความรู้สึกชื่นชม

มีไม่กี่ประโยคในพระวรสารที่กล่าวถึงพระแม่อย่างชัดเจน

ทั้งๆที่พระแม่เป็นคนกลางนำพระพรอันยิ่งใหญ่มาสู่ชาวเรา

ชีวิตที่เรียบง่ายของพระแม่  ชีวิตที่ไม่เคยเรียกร้องผลประโยชน์ใดใด

สะกิดใจข้าพเจ้าให้ข้าพเจ้ารู้สึกละอายแก่ใจในกิจการเห็นแก่ตัวมากมายของตนเอง

เมื่อใกล้มหาพรต  ข้าพเจ้าก็รำพึงเพื่อการกลับใจของตนเอง

เมื่อใกล้คริสต์มาส ข้าพเจ้าก็รำพึงเพื่อสร้างความหวังให้กับวิญญาณ

ที่จะได้มีชีวิตใหม่โดยปราศจากตำหนิจากบาปร้ายในชีวิตของตนเอง

เป็นเช่นนั้นในทุกๆเทศกาลที่เวียนมาถึง

แล้วก็ลาจากไปในทุกๆ ปีด้วยความตั้งใจเดิมๆ

แต่สิ่งหนึ่งที่ข้าพเจ้ายังไม่ประสบความสำเร็จคือ การเป็นพยานแก่พี่น้องรอบข้าง

ในครอบครัว ในที่ทำงาน ข้าพเจ้ามีพลังที่จะพยายามเป็นพยานชีวิตที่ดี

แต่ในที่ที่ข้าพเจ้าไม่คุ้นเคย  ในสังคมที่เหมือนจะมีกำแพงกั้นอยู่

ข้าพเจ้าไม่สามารถทลายกำแพงนั้นเพื่อเป็นพยานชีวิตให้เขาได้เลย

ข้าพเจ้าหมายถึงเพื่อนบ้านของข้าพเจ้านั่นเอง

ข้าพเจ้ามีประสบการณ์ที่ไม่ค่อยดีนักกับเพื่อนบ้าน

เป็นประสบการณ์ที่ทำให้ข้าพเจ้าไม่กล้าแสดงความเป็นมิตรกับเพื่อนบ้านคนใดอีกเลย

และตั้งปณิธานไว้ว่า  ต่างคนต่างอยู่น่าจะสงบสุขที่สุดแล้ว

นั่นทำให้ข้าพเจ้าแทบไม่อยากแสดงตนเป็นคริสตชนเลยทีเดียว

ไม่ได้อายเพราะเป็นคริสตชน แต่อายที่ไม่สามารถเป็นคริสตชนที่ดีได้

แต่ข้าพเจ้าก็ไม่ได้สิ้นหวังที่จะพยานที่ดีในอนาคต

ต้องมีสักวันที่เป็นวันของข้าพเจ้า

ต้องมีสักวันที่ข้าพเจ้าจะเอาชนะใจพวกเขาได้

ต้องมีสักวันที่ข้าพเจ้าจะเป็นพยานชีวิต

 และบอกพวกเขาได้อย่างเต็มภาคภูมิว่าข้าพเจ้าเป็นลูกของพระองค์

คริสต์มาสปีนี้ นอกจากข้าพเจ้าจะปลุกพลังความหวังใหม่

ให้กับชีวิตวิญญาณของตนเองแล้ว

ข้าพเจ้าตั้งใจจะเติมความหวังเล็กๆน้อยๆให้กับคนรอบข้างด้วย

“ขอพระองค์ทรงได้รับพระสิริรุ่งโรจน์ตลอดนิรันดร อาแมน”

(โรม 16:27)

Merry  Christmas 2017

.....................................

S